เส้นทางสีเขียวดีต่อโลกของ Apple Watch ซีรีส์ 9
รู้หรือไม่ Apple Watch ซีรีส์ 9 คือผลิตภัณฑ์แรกที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน
ในวันเปิดตัว iPhone15 ,Apple Watch ซีรีส์ 9 และ Ultra 2 ในวิดีโอจะเห็นว่า Apple เน้นพูดถึงการไปสู่เป้าหมายความเป็นทางกลางคาร์บอน
โดยมี Mama Nature มาตามไล่บี้ Tim Cook ,CEO Apple และทีมงาน เพื่อทวงสัญญาเรื่อง ลดการปล่อยคาร์บอนให้เป็นศูนย์ ซึ่ง Apple มีเป้าหมายจะทำให้สำเร็จภายในปี 2030
ทั้งกระบวนการกำจัดพลาสติก
การใช้พลังงานไฟฟ้าสะอาด
การนำชิ้นส่วนที่เป็นโลหะกลับมาใช้ใหม่
ความมุ่งมั่นด้านสิ่งแวดล้อมของ Apple
ภารกิจของ Apple คือการสร้างผลิตภัณฑ์ที่ลูกค้ารักและปกป้องโลกในเวลาเดียวกัน เมื่อ 3 ปีที่แล้วได้จุดประกายให้หน่วยงานมีความเป็นกลางทางคาร์บอน เป็นก้าวแรกสู่ความมุ่งมั่นด้านสิ่งแวดล้อม
ปี 2030 คือเป้าหมายที่ Apple จะต้องเป็นกลางทางคาร์บอนฯ ทั้งหมด ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนของผลิตภัณฑ์ทั้งหมดให้เหลือเป็นศูนย์
Apple Watch ซีรีส์ 9 คือความท้าทาย
ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จากแหล่งที่มาใหญ่ที่สุด 3 แห่ง ได้แก่ วัสดุ ไฟฟ้า และการขนส่ง
ใช้ประโยชน์จากวัสดุรีไซเคิลและวัสดุหมุนเวียนให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ใช้อะลูมิเนียมรีไซเคิล 100% ในตัวเรือนนาฬิการวมทั้งทองคำรีไซเคิล 10 ทองแดงทังสเตนและอื่นๆ
ใน Apple Watch ซีรีส์ 9 เป็นครั้งแรกที่มีโคบอลต์รีไซเคิล 100% ในแบตเตอรี่
โดย Apple Watch ที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอนทุกเครื่องซึ่งรวมถึงรุ่น Series 9 และ SE จับคู่กับสายแบบ Sport Loop ใหม่ ซึ่งสายแบบสปอร์ตเป็นรุ่นยอดนิยมของผู้ใช้งาน
Apple Watch Ultra 2 จับคู่กับสายแบบ Trail Loop หรือ Alpine Loop ใหม่
ได้รับการรับรองโดย SCS Global Services ซึ่งเป็นผู้นำในด้านมาตรฐานและการรับรองด้านสิ่งแวดล้อม
โดยความพยายามต่างๆเหล่านี้เมื่อรวมกันแล้วส่งผลให้การปล่อยก๊าซเรือนกระจกของผลิตภัณฑ์แต่ละรุ่นลดลงอย่างน้อย 75 เปอร์เซ็นต์
ใช้พลังงานสะอาด ผลิต Apple Watch 9
ตั้งแต่ปี 2015 Apple ได้ลงทุนในพลังงานหมุนเวียน เช่น การติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์และทุ่งกังหันลมขนาดใหญ่ในแคลิฟอร์เนียตอนกลาง เพื่อให้พลังงานแก่ศูนย์ข้อมูลและสำนักงานของตนเอง
สนับสนุนและช่วยเหลือซัพพลายเออร์ ในโครงการพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม และใช้พลังงานหมุนเวียนในการผลิตให้กับ Apple ทั้งหมด
ตั้งแต่ปี 2018 สำนักงานองค์กรทั้งหมดของ Apple ศูนย์ข้อมูลและร้านค้าปลีกทั่วโลกต่างก็ใช้พลังงานจากพลังงานไฟฟ้าหมุนเวียน
ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป การผลิต Apple Watch ทั้งหมดจะใช้พลังงานไฟฟ้าสะอาด 100%
พลังงานไฟฟ้าในการผลิตและการชาร์จอุปกรณ์เป็นแหล่งพลังงานที่ใหญ่ที่สุดของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกแม้การชาร์จจะใช้พลังงานไม่มาก แต่มีจำนวนมหาศาล เพื่อรับมือกับเรื่องหลังสุด Apple ได้ให้คำมั่นที่จะลงทุนในโครงการพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมทั่วโลก
โดย Apple Watch รุ่นที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน Apple ต้องการจะทำให้ได้เทียบเท่ากับ 100 เปอร์เซ็นต์ของการคาดการณ์ในการใช้พลังงานไฟฟ้า เพื่อการชาร์จของลูกค้า
เส้นทางการขนส่งรักษ์โลก
ปีนี้เช่นกัน กว่า Apple Watch แต่ละเรือนจากโรงงานจะเดินทางถึงมือเรา ได้ออกแบบขั้นตอนการขนส่ง เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เริ่มตั้งแต่การออกแบบบรรจุภัณฑ์ซีรีส์ 9 ใหม่ ให้มีขนาดเล็กลง ช่วยให้สามารถจัดส่งได้จำนวนเพิ่มมากขึ้นถึง 25% ต่อการเดินทาง
รูปแบบการขนส่งจะเลือกใช้รูปแบบที่ปลดปล่อยคาร์บอนต่ำเช่นการขนส่งทางทะเลที่ปล่อยก๊าซเพียงหนึ่งใน 20 ของการขนส่งทางอากาศ
ความพยายามในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากวัสดุไฟฟ้าและการขนส่งส่งผลให้ปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนลดลงถึง 78% การปล่อยก๊าซเรือนกระจกจำนวนเล็กน้อยที่เหลืออยู่ จะถูกชดเชยด้วยเครดิตคุณภาพสูงจากโครงการต่างๆ เช่น โครงการดูแลป่าไม้และพื้นที่ชุ่มน้ำที่กำจัดคาร์บอนออกจากชั้นบรรยากาศอย่างจริงจัง
Carbon Neutral โลโกใหม่ข้างกล่อง
นับจากนี้ผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ของ Apple จะมีโลโก้ใหม่เพิ่มบนกล่อง เพื่ออวดความสำเร็จถึงความพยายามลดก๊าซเรือนกระจก ถึงแม้หนังที่ใช้ทำอุปกรณ์เสริมจะมีความสวยงามได้รับความนิยมอย่างมาก แต่มีปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อย่างมีนัยสำคัญ เพื่อลดผลกระทบดังกล่าว Apple จะไม่ใช้หนังสัตว์ในผลิตภัณฑ์ใหม่ Apple ทุกกลุ่ม รวมถึงอุปกรณ์เสริมสำหรับ iPhone และสาย Apple Watch
FineWoven แทนที่หนังสัตว์
FineWoven คือสิ่งทอแบบใหม่เป็นผ้าทวิลที่มีทนทานทำจากวัสดุซึ่งรีไซเคิลมาจากของใช้ในชีวิตประจำวันถึง 68 เปอร์เซ็นต์ มีผิวที่ดูมันวาวเล็กน้อยและให้สัมผัสที่นุ่มนวลคล้ายหนังกลับ เป็นวัสดุที่ใช้กับเคสและกระเป๋าสตางค์ MagSafe สำหรับ iPhone รวมถึงสายแบบ Magnetic Link และ Modern Buckle สำหรับ Apple Watch
พยากรณ์โครงข่ายไฟฟ้า ในแอป Home
“พยากรณ์โครงข่ายไฟฟ้า” เป็นเครื่องมือใหม่ในแอปบ้านบนอุปกรณ์ Apple ซึ่งจะแสดงให้เห็นโครงข่ายไฟฟ้าของผู้ใช้งานเกี่ยวกับแหล่งพลังงานที่ค่อนข้างสะอาดกว่าหรือสะอาดน้อยกว่าที่พร้อมใช้งานบางครั้งโครงการพลังงานลมและพลังงานไฟฟ้าผลิตพลังงานได้มากกว่าที่โครงข่ายสามารถใช้ได้ทำให้มีบางส่วนถูกทิ้งไป
เป็นอีกช่องทางให้ผู้ใช้งานมีส่วนช่วยลดผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศที่เกิดจากพลังงานไฟฟ้าที่ใช้ที่บ้าน
โครงข่ายไฟฟ้าในแอป Home สามารถช่วยให้เราตัดสินใจ ว่าจะใช้ช่วงเวลาไหน ใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าขนาดใหญ่ และชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าหรืออุปกรณ์ต่างๆ ในระหว่างวัน
น่าเสียดายที่พยากรณ์โครงข่ายไฟฟ้าใช้ได้เฉพาะในสหรัฐอเมริกาและพื้นที่ติดกัน
นอกเหนือไปจากเป้าหมายปี 2030 แล้ว Apple ยังมุ่งหน้าสู่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ถึง 90 เปอร์เซ็นต์ภายในปี 2050 ซึ่งต้องการการสนับสนุนสำหรับปฏิบัติการหลายอย่างจากรัฐบาลธุรกิจและบุคคลทั่วไปเพื่อเร่งความก้าวหน้าในระดับโลกเพื่อต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (www. apple.com/th/2030)
บรรณาธิการเทคโนโลยี
รู้ยังแอป Find My ของ Apple เปิดให้แชร์ตำแหน่งของหายกับบุคคลอื่นได้