เสียงดีกว่ารุ่นเก่าอย่างเห็นได้ชัดจริงๆ
โดยเฉพาะระบบตัดเสียงรบกวน
ด้วยความที่อยากพิสูจน์เรื่องเสียงรบกวนว่า ดีขึ้นกว่าเดิมหรือไม่ จึงใช้เส้นทางออกกำลังกายยึดถนนสายเมนในหมู่บ้านซึ่งมีรถวิ่งผ่านไปมา เป็นประจำ
โดยเลือกตัดเสียงรบกวนแบบแอ็คทีฟ ปรากฎว่า รถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ที่ผ่านไปมา กลายเป็นเสียงแบบรถยนต์ไฟฟ้ากันหมด
ทำให้การฟังเพลงขณะวิ่งคึกคักไปด้วย แต่แนะนำให้ระมัดระวังนะคะ หากเดินข้างถนน เพราะเสียงรถจะเงียบมาก
พอกลับถึงบ้าน ก็เลือกเพลงร็อกวงโปรด รู้สึกได้ถึงเส้นเสียงเปียโนวิ่งจากหูซ้ายไปหูขวาได้เร้าอารมณ์มาก
วันรุ่งขึ้น ใช้บริการรถไฟฟ้า ไม่กล้าเปิดตัดเสียงรบกวนทั้งหมด เพราะกลัวไม่ได้เสียงประกาศบอกป้ายสถานี จึงเลือกแบบ Transparency ซึ่งเป็นการฟังเสียงรบกวนจากภายนอกด้วย ตอนแรกก็คิดว่า เสียงที่ได้ยินจะมาในโทนเท่ากันทั้งหมด
ไม่ใช่เลยค่ะ
ลองนึกภาพตามนะคะ AirPod Pro แยกเสียงใกล้ไกลได้น่าทึ่งมาก เสียงเพลงก็ยังวนอยู่รอบตัวเรา เสียงประกาศป้ายสถานี เสียงรองเท้าส้นสูงของคนข้างๆ กระทบพื้นก็ยังได้ยิน เหมือนเรียงตามลำดับความสำคัญ
AirPods Pro รุ่นที่ 2 ชิป H2
แตกต่างจาก Pro รุ่นแรก คือ พัฒนาการตัดเสียงรบกวนแบบแอ็คทีฟและโหมดฟังเสียงภายนอก ระบบเสียงตามตำแหน่ง
ทำโปรไฟล์ส่วนตัว สำหรับระบบเสียงตามตำแหน่ง ด้วยการติดตามศีรษะ แค่เปิดระบบแล้วทำตามขั้นตอนในภาพ
หูฟังทั้งสองข้างสั่งงานได้ง่ายขึ้น จะเลือกข้างซ้ายหรือขวาก็ได้ ไม่ต้องไปจดจำแล้วว่า ขวาหรือซ้ายที่รับสาย หรือคอนโทรลเพลง
แค่เลื่อนขึ้นลงที่ก้านหูฟัง ก็คือการเพิ่มลดเสียง
บีบเบาๆ ที่ก้านหูฟัง 1ครั้ง หยุดเพลง 2 ครั้ง เล่นเพลงต่อ รับสายเข้าออกก็เช่นกัน คราวนี้ในกล่องมีจุกยางซิลิโคนให้เลือกถึงหลายข ขนาด หมดปัญหาเรื่องหลวม ไม่กระชับ ที่ผ่านมา ผู้เขียนเจอปัญหากับรุ่นแรก เวลาใส่วิ่งแล้วพอเหงื่อออกหูฟังกระเด็นหลุดเป็นประจำ จึงต้องกลับไปหา AirPod ตัวเก่า
ตัวเคส ใช้คู่กับ แอป Find my ตามเคสที่ลืมไว้ หรือกรณีหูฟังซ้าย ขวา ถูกพรากจากกัน ก็หาจากแอปนี้เลย และที่ดีไปกว่านั้น คราวนี้ Apple ให้เราเอาเคสชาร์จใช้คู่กับที่ชาร์จ Apple Watch ได้ วางไว้เลย เหมือนชาร์จนาฬิกา หรือจะเสียบสายเหมือนเดิม เลือกชาร์จ MagSafe ได้ทั้งนั้น
แบตเตอรี่ใช้งานได้นานขึ้น ดูหนังฟังเพลงบนเครื่องบินไฟล์ทยาวๆ ได้ Apple บอกว่า ฟังได้นานสูงสุด 6 ชั่วโมงเมื่อเปิดใช้งานการตัดเสียงรบกวนแบบแอ็คทีฟ และด้วยการชาร์จจากเคสเพิ่มเติมอีก 4 ครั้ง ผู้ใช้ก็สามารถเพลิดเพลินกับการฟังได้สูงสุดถึง 30 ชั่วโมง
ตรงนี้ขอสารภาพยังไม่ได้ใช้แบบยาวๆขนาดนั้น แต่ที่แน่ ๆ ผู้เขียนชาร์จมาเต็มทั้งเคสและหูฟัง ใส่วิ่ง และใส่ประชุมออนไลน์ ผ่านมาสองวันแล้วยังไม่ได้ชาร์จเพิ่มเลย
อันนี้ก็ขึ้นกับพฤติกรรมการใช้งานของแต่ละคนด้วย
ข้อสรุปสุดท้าย ราคาของ AirPods Pro รุ่นล่าสุด แพงเอาการอยู่จ่าย 9 พันได้เงินทอน 10 บาท แต่ครั้งนี้รู้สึกคุ้มค่าเหมือนได้หูฟังระดับพรีเมียม ถ้าซื้อกับ แอป Apple Store สลักข้อความด้วย Memoji ลงบนเคสได้
ขอแนะนำให้ลงทุนกับเคสสวยๆ ซึ่งมีให้เลือกทั้งแบบหนัง และซิลิโคน ซึ่งมีให้เลือกเยอะมาก สวยๆทั้งนั้น ล้มละลายแน่ค่ะ
จบการรีวิวแบบบ้านๆ จากคนที่ชอบฟังเพลง ชอบออกกำลังกาย ชอบหูฟังดีๆ
บรรณาธิการเทคโนโลยี
รู้ยังแอป Find My ของ Apple เปิดให้แชร์ตำแหน่งของหายกับบุคคลอื่นได้