สรุปย่อๆ ให้อ่านกับงาน Apple Event ซึ่งจัดที่คูเปอร์ติโนน สหรัฐอเมริกา รอบนี้ประเทศไทย ได้ขึ้นกลุ่มแรกของ Apple แล้ว iPhone 14 สั่งซื้อและวางขาย 16 กันยายนนี้เลย
เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2565 ตรงกับเวลาเที่ยงคืนของประเทศไทย Tim Cook , CEO APPLE ได้เปิดตัว iPhone 14 และ iPhone 14 Plus จอ 6.1 นิ้ว และ 6.7 นิ้ว เหมาะกับการสตรีมหนัง เล่นเกม ฟีจเจอร์ใหม่ คือ คุณสมบัติการตรวจจับการชนกัน และ SOS ฉุกเฉินผ่านดาวเทียม (อันนี้ใช้ได้เฉพาะสหรัฐอเมริกาและแคนาดา)
ทั้งสองรุ่น ถ่ายภาพและวิดีโอด้วยกล้องหลักความละเอียด 12MP ใหม่ เซ็นเซอร์ที่ใหญ่ขึ้น พิกเซลที่ใหญ่ขึ้น กล้องหน้า TrueDepth ใหม่ กล้องอัลตร้าไวด์เพื่อการเก็บภาพในมุมที่กว้างยิ่งขึ้น และPhotonic Engine เพื่อประสิทธิภาพในสภาวะแสงน้อยที่เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด
มีสีมิดไนท์, สีฟ้า, สีสตาร์ไลท์, สีม่วง และรุ่น (PRODUCT)RED1 ประเทศไทยสั่งซื้อล่วงหน้าได้ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 9 กันยายน โดย iPhone 14 จะวางจำหน่ายตั้งแต่วันศุกร์ที่ 16 กันยายน และ iPhone 14 Plus จะวางจำหน่ายตั้งแต่วันศุกร์ที่ 7 ตุลาคมเป็นต้นไป iPhone 14 ราคา 32,900 บาท และ iPhone 14 Plus ในราคา 37,900 บาท
iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max กล้องความละเอียด 48MP ครั้งแรกบน iPhone เซ็นเซอร์แบบ Quad-pixel และ Photonic Engine ซึ่งเป็นกระบวนการจัดการภาพที่ดียิ่งกว่าเดิม ช่วยให้ภาพถ่ายในสภาวะแสงน้อยสวยขึ้น มาพร้อมคุณสมบัติการตรวจจับการชนกัน แจ้ง SOS ฉุกเฉินผ่านดาวเทียม (ใช้ได้เฉพาะในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา) และการแจ้งเตือนและกิจกรรมต่างๆ แบบใหม่ด้วยDynamic Island
iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max มีสีม่วงเข้ม สีเงิน สีทอง และสีดำสเปซแบล็ค ความจุในการจัดเก็บข้อมูล ตั้งแต่ 128GB, 256GB, 512GB และ 1TB ลูกค้าใน ไทย สั่งซื้อ iPhone 14 Pro และiPhone 14 Pro Max ล่วงหน้าได้ตั้งแต่เวลา 19:00 น. ตามเวลาในประเทศไทย ของวันศุกร์ที่ 9 กันยายนและจะวางจำหน่ายในวันศุกร์ที่ 16 กันยายน
iPhone 14 Pro ราคา 41,900 บาท และ iPhone 14 Pro Max ราคา 44,900 บาท
Apple Watch Series 8 และ Apple Watch SE ใหม่ โดย Apple Watch Series 8 จอภาพขนาดใหญ่แบบติดตลอด แบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ตลอดวันถึง 18 ชั่วโมง พัฒนาต่อยอดแอป ECG และคุณสมบัติการตรวจจับการล้ม ติดตามค่าอุณหภูมิ การคาดคะเนช่วงไข่ตกจากข้อมูลย้อนหลัง การตรวจจับการชน และการใช้งานโรมมิ่งในต่างประเทศ
Apple Watch SE ใหม่ เน้นประสบการณ์หลักของ Apple Watch การติดตามกิจกรรม การแจ้งเตือนอัตราการเต้นของหัวใจเร็วหรือช้า และ SOS ฉุกเฉิน ตรวจจับการชนกันและฝาหลังตัวเรือนที่ออกแบบมาใหม่หมดให้เข้ากับตัวเรือนแบบคลาสสิก
Apple Watch Series 8 ตัวเรือนอะลูมิเนียมและสแตนเลสสตีล ขนาด 41 มม. และ 45 มม. สีสตาร์ไลท์ สีมิดไนท์ สีเงิน และรุ่น (PRODUCT)RED
Apple Watch SE ขนาด 40 มม. และ 44 มม. ในสีมิดไนท์ สีสตาร์ไลท์ และสีเงิน
ทั้งสองรุ่น จะพร้อมให้สั่งซื้อในเร็วๆ นี้ ราคาเริ่มต้นที่ 15,900 บาท และ 9,900 บาท
Apple Watch Ultra ดีไซน์ใหม่ ได้รับแรงบันดาลใจจากกิจกรรมเอ็กซ์ตรีม ตัวเรือนไทเทเนียม49 มม. ด้านหน้าแบบผลึกแซฟไฟร์ จอภาพใหญ่และสว่างที่สุด เท่าที่เคยมีมา แบตเตอรี่นานสูงสุด 36 ชั่วโมง สามารถยืดระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ไดเถึง 60 ชั่วโมง เหมาะสำหรับสายกิจกรรมเอาท์ดอร์เช่น ดำน้ำแบบสคูบา วิ่งมาราธอน วิ่งเทรล เดินป่า ฯลฯ Apple ได้ออกแบบสายใหม่ ได้แก่ Trail Loop, Alpine Loop และ Ocean Band เน้นแน่นกระชับและใส่สบายสำหรับการผจญภัย
ออกแบบมาเพื่อช่วยในการออกสำรวจพื้นที่สุดโหดและห่างไกล ตั้งแต่บนภูเขาอันหนาวเหน็บที่-20° C จนถึงทะเลทรายร้อนระอุที่ 55° ผ่านการรับรองในด้านต่างๆ ตามมาตรฐาน MIL-STD 810H ซึ่งใช้สำหรับอุปกรณ์ทางการทหาร เมื่อหมุน Digital Crown ขณะใช้หน้าปัดเวย์ไฟน์เดอร์ อินเทอร์เฟซจะเปลี่ยนเป็นสีแดงเพื่อให้มองเห็นชัดเจนยิ่งขึ้นในที่มืด ซึ่งเหมาะสำหรับการใช้งานในช่วงเย็น
Apple Watch Ultra จะพร้อมให้สั่งซื้อในเร็วๆ นี้ ราคา 31,900 บาท
สุดท้ายคือ AirPods Pro รุ่นที่ 2 อัปเกรดระบบตัดเสียงรบกวนแบบแอ็คทีฟและโหมดฟังเสียงภายนอก ระบบเสียงตามตำแหน่งที่สมจริงยิ่งขึ้น ปรับระดับเสียงได้โดยตรงจากก้านหูฟัง แบตเตอรี่ใช้งานได้นานขึ้น เคสชาร์จแบบใหม่หมด และจุกหูฟังอีกหนึ่งขนาดใหม่
เคสชาร์จ MagSafe แบบใหม่ ผู้ใช้ที่มี iPhone ที่มีชิป U1 จะสามารถค้นหาตำแหน่งของเคสชาร์จได้ผ่านการบอกทิศทาง เคสชาร์จมีลำโพงในตัวที่สามารถส่งเสียงได้ดังกว่าเดิมเพื่อให้ค้นหาได้ง่ายขึ้น ราคา 8,990 บาท
สรุปให้อ่านกันแบบย่อๆ ส่วนรายละเอียดของแต่ละผลิตภัณฑ์ จะรีวิวแบบละเอียดอีกครั้งค่ะ
“ซอสมังคุด” ใช้งานวิจัยเปลี่ยนกากและเม็ดเป็นซอสอร่อยสารพัดจิ้ม
“ซอสมังคุด” ใช้งานวิจัยเปลี่ยนกากและเม็ดเป็นซอสอร่อยสารพัดจิ้ม
ผัดกะเพรายืนหนึ่งเมนูสตรีทฟู้ดยอดฮิตแห่งปี 2567 บน foodpanda