สุขภาพ

“ภาวะสมองเสื่อม” รู้ก่อน-รักษาก่อน

12 มกราคม 2566

ภาวะสมองเสื่อม ภัยเงียบหนึ่งที่มาพร้อมกับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ หรือ Aging Society ของประเทศไทย ซึ่งข้อมูลในปี 2564 พบว่า ประเทศไทยมีประชากรอายุมากกว่า 65 ปี อยู่ร้อยละ 14 เท่ากับประมาณ 10 ล้านคน และข้อมูลจากองค์การอนามัยโลกระบุว่า ความชุกของภาวะสมองเสื่อมในคนอายุมากกว่า 65 ปี ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้คือ ร้อยละ 4.0 จึงคาดการณ์ได้ว่า ประเทศไทยมีผู้ที่มีภาวะสมองเสื่อมอยู่กว่า 400,000 คน ซึ่งในตัวเลขนี้ ยังไม่ได้นับคนที่อายุน้อยกว่า 65 ปี และผู้ที่มีภาวะสมองเสื่อมแฝงอยู่แต่ยังไม่แสดงอาการ  นอกจากนี้ ร้อยละ 70 ของผู้ป่วยที่มีภาวะสมองเสื่อม 400,000 คนในประเทศไทย มักเป็นโรคอัลไซเมอร์ และมาพบแพทย์เพื่อรักษาเมื่อมีอาการที่รุนแรงมากขึ้นแล้ว

สัญญาณของภาวะสมองเสื่อมที่อาจสังเกตได้ เมื่อการทำงานของสมองเริ่มถดถอยด้านใดด้านหนึ่งลงไป เช่น ด้านความจํา ด้านภาษา ด้านการประมวลผล ด้านสมาธิ ฯลฯ โดยจะเริ่มสูญเสียเซลล์สมองจากส่วนหนึ่งแล้วค่อยลุกลามไปยังสมองอีกส่วนหนึ่งอย่างช้าๆ และเมื่อเวลาผ่านไป ความผิดปกติเหล่านี้จะปรากฏชัดเจนขึ้นจนคนรอบข้างเริ่มสังเกตเห็นอาการต่างๆ เช่น ทํากิจวัตรประจําวันที่คุ้นเคยไม่ได้เหมือนเดิม ลืมคำศัพท์ง่ายๆ ใช้คำศัพท์ผิดความหมาย หลงวันเวลา บอกที่อยู่บ้านตนเองไม่ได้ มีการตัดสินใจไม่เหมาะสม เช่น เปิดพัดลมแรง ทั้งที่อากาศเย็น บวกลบคูณหารตัวเลขไม่ได้เหมือนก่อน อารมณ์เปลี่ยนแปลงง่าย ฯลฯ

แม้ภาวะสมองเสื่อมจะเป็นโรคที่รักษาไม่หาย แต่การป้องกันไม่ให้เกิดโรคหรือชะลอการเกิดโรคให้ช้าที่สุดก็เป็นหนทางสำคัญที่จะช่วยให้เกิดการดูแลที่เหมาะสมและมีคุณภาพ  นพ.ภูษณุ ธนาพรสังสุทธิ์ ศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ นักวิจัยเครือข่าย สวรส. ให้ข้อมูลว่า โรคอัลไซเมอร์ ซึ่งเป็นโรคความเสื่อมของระบบประสาทชนิดหนึ่ง และเป็นสาเหตุที่สำคัญที่สุดของภาวะสมองเสื่อม มีระยะฟักตัว 10-15 ปี ก่อนที่จะเริ่มแสดงอาการ อาจเรียกได้ว่าเป็นโรคอัลไซเมอร์แฝง ผู้ป่วยจะไม่มีอาการใดๆ สามารถทำงานได้ตามปกติ จนเมื่อการดำเนินของโรคไปถึงจุดที่อาการเริ่มปรากฎ ผู้ป่วยก็สูญเสียเนื้อสมองไปมากแล้ว และส่งผลให้เกิดภาวะสมองเสื่อมที่ฟื้นฟูหรือกู้สุขภาวะของสมองได้ยาก

โดยทั่วไปการตรวจโรคอัลไซเมอร์ก่อนแสดงอาการมี 2 วิธี ได้แก่ 1.การทำ PET Scan (Positron Emission Tomography) เป็นการใช้ภาพวินิจฉัยการทำงานของอวัยวะและเนื้อเยื่อภายในร่างกาย ซึ่งมีค่าใช้จ่ายในการตรวจค่อนข้างแพง  2.การเจาะน้ำไขสันหลัง เพื่อนำน้ำไขสันหลังมาตรวจวัดระดับโปรตีนที่ก่อโรคอัลไซเมอร์ ซึ่งต้องทำโดยแพทย์เท่านั้น ซึ่งวิธีการนี้มีผู้เข้าถึงและเข้ารับการตรวจน้อย เนื่องจากกลัวการเจ็บตัวจากกระบวนการเจาะน้ำไขสันหลังที่อาจเกิดขึ้นได้

ปัจจุบันจึงได้มีการพัฒนางานวิจัยเพื่อสนับสนุนยุทธศาสตร์การรองรับโรคความเสื่อมของระบบประสาท โดยการพัฒนาตัวชี้วัดระดับโมเลกุล ซึ่งสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) ได้ร่วมกับศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ พัฒนาวิธีการตรวจโรคความเสื่อมของระบบประสาทชนิดต่างๆ ในเลือดที่รวดเร็วและแม่นยำ ตั้งแต่ยังไม่มีอาการ เพื่อนำไปสู่ระบบการวินิจฉัยและการจัดการที่มีประสิทธิภาพ

จากการสนับสนุนทุนวิจัยของ สวรส. ทีมวิจัยได้มีการพัฒนาแนวทางปฏิบัติทางคลินิก และทดสอบความแม่นยำของการตรวจเลือดโดยใช้เทคนิคทางอิมมูนวิทยาหรือวิทยาภูมิคุ้มกันในการตรวจเลือดแทนการเจาะน้ำไขสันหลัง โดยใช้เครื่องตรวจที่มีชื่อว่า Simoa (Single molecule array) และเครื่อง LC-MS (Mass spectrometer) เพื่อตรวจสาร Phosphorylated Tau ในเลือด ซึ่งเป็นตัวชี้วัดอัลไซเมอร์แฝง และสาร Neurofilament light chain ซึ่งเป็นการตรวจการสูญเสียของเนื้อสมอง ซึ่งวิธีนี้ช่วยตอบโจทย์ทั้งในแง่ค่าใช้จ่ายในการตรวจที่ถูกกว่า เมื่อเทียบกับวิธีการตรวจแบบเดิมที่ใช้อยู่ ลดความซับซ้อนและความเจ็บตัวในการตรวจหาภาวะสมองเสื่อมแฝง และยังได้ผลการตรวจที่แม่นยำถึง 88% ใกล้เคียงกับผลการตรวจในต่างประเทศ

นอกจากนี้การตรวจก็ง่าย สะดวก และปลอดภัย ผู้รับการตรวจไม่จำเป็นต้องงดน้ำหรืออาหารก่อนเข้ารับการเจาะเลือด โดยเจาะเลือดครั้งเดียว เพียง 10 ซีซี แล้วนำผลจากการเจาะเลือดไปประมวลกับผลการทำแบบทดสอบความสามารถของสมอง และแปรผลโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

ผศ.ดร.จรวยพร ศรีศศลักษณ์ รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข กล่าวว่า เป้าหมายสำคัญของการพัฒนาความรู้จากงานวิจัยคือ การคัดกรองโรคให้ได้ตั้งแต่เนิ่นๆ และการวินิจฉัยโรคอย่างแม่นยำตั้งแต่ยังไม่มีอาการ รวมถึงพัฒนาความสามารถในการพยากรณ์ความรุนแรงในแต่ละคนด้วยวิธีที่ง่ายและราคาถูก เพื่อทำให้สามารถคาดคะเนอุบัติการณ์ของภาวะสมองเสื่อมได้ในอนาคต  ตลอดจนสามารถนำไปจัดทำเป็นข้อเสนอเชิงนโยบาย ทั้งด้านการป้องกัน เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงต่างๆ การสร้างแนวทางเวชปฏิบัติในการดูแลผู้ป่วย นอกจากนั้นยังคาดหวังที่จะขยายศักยภาพในการตรวจตัวชี้วัดระดับโมเลกุลดังกล่าว ให้สามารถตรวจได้อย่างกว้างขวางมากขึ้น และผลักดันเข้าสู่ชุดสิทธิประโยชน์ในระบบหลักประกันสุขภาพในอนาคต

ผู้สนใจสามารถรับบริการตรวจเลือดหาสารโปรตีนที่ก่อโรคอัลไซเมอร์แฝง และสอบถามรายละเอียดได้ที่ ศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ โทร.0-2256-4000 ต่อ 3562

More read
  • เทคโนโลยี
  • 13 กันยายน 2567

UNIQ เคสรักษ์โลก iPhone16 มารอแล้ว

Tags

  • ตรวจเลือดหาสารโปรตีนที่ก่อโรคอัลไซเมอร์แฝง
  • ภาวะสมองเสื่อม
  • ศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่
  • สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข
  • สมองเสื่อม
  • สวรส.