หลายคนมักมองข้ามสัญญาณเตือนเล็กๆ น้อยๆ ของปัญหาสุขภาพตา เพราะคิดว่าอายุยังน้อย การไม่ดูแลสุขภาพโดยเฉพาะการรับประทานอาหารโดยไม่ควบคุมและดูแลเรื่องระดับน้ำตาล เป็นสาเหตุสำคัญที่นำไปสู่โรคเบาหวาน และมีโอกาสพัฒนาไปสู่ “ภาวะจุดรับภาพชัดบวมจากเบาหวานขึ้นจอตา” เสี่ยงตาบอดถาวรโดยไม่รู้ตัว
ภาวะจุดรับภาพชัดบวมจากเบาหวานขึ้นจอตา (Diabetic Macular Edema หรือ DME) เกิดจากระดับน้ำตาลในเลือดที่สูง ทำให้เส้นเลือดที่อยู่ในชั้นจอประสาทตามีความผิดปกติ ส่งผลให้จุดรับภาพจอตาบวม โรคนี้พบได้ในทุกช่วงอายุ จากสถิติพบว่า ปัจจุบันในประเทศไทยพบอุบัติการณ์โรคเบาหวานมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้นประมาณ 3 แสนคนต่อปี และปัจจุบันมีคนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไปที่เป็นโรคเบาหวานถึง 6.9 ล้านคน โดยคนไทยอายุ 30 – 60 ปี มีโอกาสเป็นโรคเบาหวานถึง 12% ที่น่าวิตกกว่านั้นคือ โรคเบาหวานในทุกอายุมีโอกาสพัฒนาเป็นภาวะจุดรับภาพชัดบวมจากเบาหวานขึ้นจอตา (DME) ซึ่งเป็นสาเหตุอันดับหนึ่งของการสูญเสียการมองเห็นในผู้ป่วยเบาหวาน โดยผู้ป่วยกลุ่มนี้มักไม่รู้ตัวว่ามีภาวะดังกล่าว เนื่องจากอาการมักไม่แสดงชัดเจนในช่วงแรก
ด้วยเหตุนี้ การตรวจคัดกรองและการรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ ช่วยลดความเสี่ยงในการพัฒนาเป็นโรค DME อีกทั้งยังช่วยป้องกันการสูญเสียการมองเห็นได้ นายแพทย์ธนาพงษ์ สมกิจรุ่งโรจน์ จักษุแพทย์ด้านจอตาและม่านตาอักเสบ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เปิดเผยว่า “สถานการณ์ภาวะจุดรับภาพชัดบวมจากเบาหวานขึ้นจอตาในประเทศไทยกำลังน่าเป็นห่วง จากการศึกษาพบว่า 1 ใน 4 ของผู้ป่วยเบาหวานมีภาวะจุดรับภาพชัดบวมจากเบาหวานขึ้นจอตา ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นได้อย่างฉับพลันและอาจเกิดกับตาข้างเดียวหรือสองข้างก็ได้ โดยที่ผู้ป่วยบางรายอาจไม่รู้สึกเจ็บหรือปวดบริเวณดวงตา และหากสังเกตุจากภายนอกก็อาจไม่สามารถสังเกตเห็นความผิดปกติของดวงตา ด้วยเหตุนี้ โรคทางสายตาจึงถือเป็นภัยเงียบ เพราะผู้ป่วยส่วนใหญ่เข้าใจว่าการมองเห็นไม่ชัดเป็นผลจากค่าสายตาที่เปลี่ยนไป”
จากสถิติพบว่า ในผู้ป่วยที่มีภาวะจุดรับภาพชัดบวมจากเบาหวานขึ้นจอตา หากไม่ได้รับการรักษา 20-30% ของผู้ป่วยจะสูญเสียการมองเห็น ดังนั้น การวินิจฉัยที่เร็วและเริ่มการรักษาทันทีจึงเป็นสิ่งสำคัญ
“ผู้ที่มีภาวะจุดรับภาพชัดบวมจากเบาหวานขึ้นจอตาหรือมีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดภาวะนี้ ควรปรับพฤติกรรมและควบคุมโรคประจำตัวให้ดี โดยเฉพาะการควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม, ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด, งดการสูบบุหรี่ และควรต้องเข้ารับการรักษาต่อเนื่องตามการนัดของแพทย์ นอกจากนี้ ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานควรหมั่นตรวจสุขภาพตากับจักษุแพทย์เป็นประจำอย่างน้อยปีละ 1 ครั้งเพื่อการวินิจฉัยที่เร็วและเริ่มการรักษาอย่างทันท่วงที ซึ่งมีส่วนช่วยในการลดการสูญเสียการมองเห็น เพราะการมองเห็นที่ชัดเจนเป็นส่วนสำคัญยิ่งกับคุณภาพชีวิต” นพ. ธนาพงษ์ กล่าวสรุป
อย่างไรก็ดี หากทราบว่าเป็นโรคเบาหวานขึ้นจอประสาทตา รวมถึงภาวะจุดรับภาพชัดบวมจากเบาหวานขึ้นจอตา มีการพัฒนาการรักษาด้วยนวัตกรรมใหม่ที่ยับยั้งสองกลไกของการเกิดโรค ช่วยลดภาระให้ทั้งผู้ป่วยและผู้ดูแลที่ต้องมาโรงพยาบาลบ่อยๆทำให้คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยและผู้ดูแลดีขึ้นกว่าเดิม ผู้ที่มีอาการดังกล่าวควรรับคำปรึกษาจากจักษุแพทย์ เพื่อเลี่ยงอาการรุนแรงของโรคซึ่งสามารถนำไปสู่การตาบอดถาวรโดยไม่รู้ตัว โรช ไทยแลนด์ ขอเชิญชวนให้คนไทยทุกคนดูแลสุขภาพเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี
รู้ยังแอป Find My ของ Apple เปิดให้แชร์ตำแหน่งของหายกับบุคคลอื่นได้
"ออสซีโอแล็บส์"พื้นที่วิจัยเพื่อประดิษฐ์สิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อน