realme 13 Series  สมาร์ตโฟน Gaming Dominator แห่งปี

ไปจัดงานเปิดตัวที่มหาวิทยาลัยศรีปทุม  เพื่อยืนยันความร่วมมือกับเกม  PUBG MOBILE ซึ่งกำลังจัดทัวร์นาเมนต์เกมออนไลน์ระดับประเทศในหลายมหาวิทยาลัย

การแข่งขันเกมออนไลน์แห่งปี 

“Esports Championship Tournament”  จะเดินสายเปิดสังเวียนในมหาวิทยาลัย  4 แห่ง  ได้แก่ มหาวิทยาลัยศรีปทุม (17 ตุลาคม)  มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (21 ตุลาคม) มหาวิทยาลัยบูรพา (29 ตุลาคม) และ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (5 พฤศจิกายน)

เพื่อคัดเลือก 16 ทีมจากกลุ่มผู้เข้าแข่งขันเพื่อเฟ้นหา TOP 4 เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศออฟไลน์ สู่ผู้ชนะสุดท้ายเพื่อร่วมศึก “PMCC Thailand 2024” ชิงเงินรางวัลรวมกว่า 500,000 บาท ผู้สนใจเข้าร่วมแข่งขันสามารถดูรายละเอียดการสมัครได้ที่โซเชียลมีเดีย realme Thailand ทุกช่องทาง (รายละเอียดเพิ่มเติม : https://www.facebook.com/realmeTH/posts/pfbid0SQgqoM9v9rV6JtKyj95cHR7TKKgJsvLEEuFTzWVDaZKRd5XvjxcU1r9FXvY4nuYnl)

กลยุทธ์ใหม่เรียลมี สมาร์ตโฟนที่คนรุ่นใหม่เข้าถึงง่าย

ระยะหลังเรียลมี ได้ปรับกลยุทธ์ใหม่ทั่วโลก ขอเป็นสมาร์ตโฟนที่คนรุ่นใหม่เข้าถึงได้ง่าย  โดยเฉพาะสมาร์ตโฟนในกลุ่มราคากลาง ซึ่งเรียลมีบอกว่า จากการสำรวจตลาดผู้บริโภคกลุ่มนี้  ต้องการสมาร์ตโฟนที่มีประสิทธิภาพเร็วและแรง ระบบายความร้อนที่ดี และต้องรองรับชาร์จไว

realme 13 Series 5G  มาพร้อมกัน  2 รุ่น คือ   “realme 13+ 5G” และ “realme 13 5G”  

realme 13+ 5G แชมป์เกมมิ่งโฟนคนใหม่แห่งวงการ

ใช้หน่วยประมวลผล MediaTek Dimensity 7300 Energy 5G   ใช้พลังงานต่ำ    เล่นเกมในอัตราเฟรมสูงได้เสถียรและราบรื่น

มาพร้อมเทคโนโลยี DRE (Dynamic RAM Expansion) ของเรียลมี  ทำให้เพิ่ม RAM สูงสุด 12GB + 14GB ที่ 26GB   เปิดและเรียกการทำงานของแอปพลิเคชันได้รวดเร็ว

เล่นเกมด้วยโหมด GT Mode  เฟรมเรทเสถียร 90fps นาน 7 ชั่วโมง    GT Mode ใน realme 13+ 5G รองรับ 6 เกมหลัก ได้แก่ PUBG MOBILE, BGMI, Free Fire, MLBB, HOK(120FPS) และ COD  

นอกจากนี้ ยังทำงานร่วมกับฟีเจอร์ GT Gaming ให้ปรับความถี่ CPU และ GPU ที่เหมาะสมได้ตลอดเวลา และยังมี Game Filters ที่ช่วยเพิ่มคอนทราสต์ ความอิ่มตัวของสี ความคมชัด และมอบเอฟเฟ็กต์ภาพที่สวยงาม ทำให้ง่ายต่อการมองเห็นศัตรูในระหว่างการเล่นเกม

การระบายความร้อนแบบใหม่ด้วย Stainless Steel Vapor Cooling System และระบบชาร์จ 80W ที่เร็วที่สุด

realme 13+ 5G มาพร้อมกับ Stainless Steel Vapor Cooling System มีพื้นที่ระบายความร้อนมากถึง 6,050 ตารางมิลลิเมตร   เพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขัน eSports  ส่วนคุณสมบัติชาร์จไว 80W Ultra Charge   ชาร์จ 5 นาทีจะทำให้เล่นเกมได้เต็มชั่วโมง  แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5000mAh 

จอแสดงผล OLED E-sport 120Hz  ลำโพงคู่สเตอริโอ   น้ำหนัก  185 กรัม  ป้องกันน้ำและฝุ่นที่ IP65 

กล้องใช้เซ็นเซอร์  Sony LYT-600 OIS ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล  มีระบบป้องกันภาพสั่นไหว OIS และรองรับวิดีโอ 4K 

ส่วนฟีเจอร์ AI มีฟีเจอร์ AI Clear Voice  เทคโนโลยีจดจำเสียงด้วย AI ขั้นสูง ช่วยแยกแยะและขยายเสียงของมนุษย์ในระหว่างการคุยสาย

ราคาและการจำหน่าย

 realme 13+ 5G   ความจุ 512/12GB  ราคา 13,999 บาท และ 256/12GB  ราคา 11,999 บาท มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Victory Gold และ Dark Purple 

ซื้อผ่าน True และ Dtac ในรุ่นความจุ 256/12GB ราคาเริ่มต้น 6,699 บาท และรุ่นความจุ 512/12GB ราคาเริ่มต้น  8,499 บาท

ซื้อผ่าน AIS รุ่นความจุ 256/12GB ราคาเริ่มต้น  7,799 บาท และรุ่นความจุ 512/12GB ราคาเริ่มต้น  8,499 บาท

realme 13 5G   สเปกเต็มๆ ของสมาร์ตโฟนราคากลาง

ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 6300 5G ซึ่งมีคะแนนมาตรฐาน AnTuTu สูงถึง 460,000  ตอบสนองฉับไวและการทำงานแบบมัลติทัสก์ได้ราบรื่น

  มี  GT Mode เพื่อมอบประสบการณ์การเล่นเกมที่เหนือกว่าด้วยการรักษาเฟรมเรตแบบนิ่ง ๆ ที่ 60fps  ซึ่งรวมถึงฟีเจอร์ การปรับแต่งพลังงาน การเปิดเกมได้อย่างรวดเร็ว ตัวแทร็กสัญญาณWi-Fi และฟิลเตอร์ต่าง ๆ พร้อมจอแสดงผลแบบ Eye Comfort 120Hz ความละเอียด FHD+ ที่ให้ภาพที่ราบรื่น ลดการเกิดภาพเบลอจากการเคลื่อนไหว และคุณภาพทัชสกรีนที่ตอบสนองไวเป็นพิเศษ มาพร้อมลำโพงสเตอริโอคู่ที่มีเวทีเสียงกว้าง ช่วยให้เกมเมอร์สามารถระบุตำแหน่งศัตรูในเกมอย่าง PUBG และ Call of Duty ได้อย่างแม่นยำ

  ชาร์จเร็ว SUPERVOOC 45W พร้อมแบตเตอรี่ 5000mAh   กันน้ำกันฝุ่นที่ IP64   กล้อง 50MP OIS 

บันทึกวิดีโอระดับ 2K พร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออปติคอล (OIS) 

ราคาและการจำหน่าย

realme 13 5G  ความจุ 256/12GB  ราคา 8,999 บาท มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Speed Green และ Dark Purple สามารถเป็นเจ้าของได้ผ่านช่องทาง

ซื้อผ่าน True และ Dtac  ราคาเริ่มต้น 5,499 บาท   AIS  ราคาเริ่มต้น  6,049 บาท