วันการได้ยินโลก (World Hearing Day )
ทุกวันที่ 3 มีนาคม เป็นวันการได้ยินโลก หรือ WHD ย่อมาจาก World Hearing Day
เป็นวันที่เกี่ยวกับการรับรู้ การป้องกัน และการสนับสนุนในเรื่องการได้ยินและการสูญเสียการได้ยิน
จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก (WHO) มีผู้คน 430 ล้านคนทั่วโลก หรือ 5% ของประชากรโลกที่สูญเสียการได้ยิน โดยการศึกษาวิจัยแสดงให้เห็นว่า ผู้ที่สูญเสียการได้ยินอาจมีปัญหาในการพูดคุยกับเพื่อนๆ และครอบครัว การตอบสนองต่อการเตือน หรือการได้ยินเสียงกริ่งประตูและสัญญาณเตือน
วันนี้จะเล่าถึงคุณสมบัติการช่วยการได้ยินของ Apple ซึ่งพัฒนามาเพื่อช่วยเหลือเกี่ยวกับความต้องการด้านการได้ยิน
1. แอปเสียงรบกวนบน Apple Watch ช่วยปกป้องและติดตามสุขภาพการได้ยิน
จากผลการศึกษาใน การศึกษาวิจัยด้านการได้ยินของ Appleพบว่าผู้เข้าร่วมการศึกษาวิจัย 25% พบกับเสียงต่างๆ จากสภาพแวดล้อมในชีวิตประจำวัน (ซึ่งมีทั้งเสียงการจราจร เครื่องจักร การขนส่งสาธารณะ และอื่นๆ) โดยเฉลี่ยแล้วสูงกว่าขีดจำกัดซึ่งแนะนำโดย WHO แอปเสียงรบกวน บน Apple Watch ใช้ไมโครโฟนในการวัดระดับเดซิเบลในสิ่งแวดล้อมของคุณ และจะส่งการแจ้งเตือนเสียงรบกวนหากระดับเสียงในสภาพแวดล้อมรอบตัวคุณสูงถึงระดับที่อาจส่งผลต่อการได้ยินของคุณ
วิธีเปิดการแจ้งเตือนเสียงรบกวน
เคล็ดลับ: สามารถปรับการแจ้งเตือนได้โดยตรงจาก Apple Watch โดยไปที่ การตั้งค่า > เสียงรบกวน
แอปเสียงรบกวนบน Apple Watch สามารถวัดระดับเดซิเบลของสภาพแวดล้อมรอบตัวได้แบบได้เรียลไทม์
แอปนี้ได้ใช้งานประจำเวลาอยู่ในที่เสียงดังๆ เดินอยู่ริมถนน
2. โหมดฟังเสียงภายนอกที่ปรับตามสภาวะและการตัดเสียงรบกวนแบบแอ็คทีฟบน AirPods ช่วยลดการได้ยินเสียงรบกวนที่ดังอยู่รอบตัว
วิธีการเปิดโหมดฟังเสียงภายนอกที่ปรับตามสภาวะ:
การตั้งค่า > AirPods แล้วเปิด “โหมดฟังเสียงภายนอกที่ปรับตามสภาวะ“
วิธีเปิดการตัดเสียงรบกวนแบบแอ็คทีฟ: การตั้งค่า [AirPods แล้วเปิด “การตัดเสียงรบกวนแบบแอ็คทีฟ“
3. คุณสมบัติระดับเสียงของหูฟัง – การทำความเข้าใจว่าความดังของหูฟังอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพการได้ยินของคุณอย่างไรบ้าง
สำหรับผู้ที่ฟังเสียงดังๆ ด้วยหูฟังเป็นเวลานานพอที่จะสามารถส่งผลกระทบต่อการได้ยิน iPhone และ Apple Watch สามารถส่งการแจ้งเตือนโดยอัตโนมัติ เพื่อแนะนำว่า ควรลดระดับความดังลง และหลังจากการแจ้งเตือน ครั้งถัดไปที่เสียบหูฟังหรือเชื่อมต่อโดยใช้ Bluetooth ระดับความดังของเสียงก็จะตั้งไว้ที่ระดับต่ำโดยอัตโนมัติ
อีกคุณสมบัติการช่วยการเข้าถึงด้านการได้ยินทั้งบน iPhone และ iPad ที่น่าสนใจก็คือ
การจำเสียง – การส่งสัญญาณเตือนแบบไร้เสียง
การจำเสียงบน iPhone และ iPad จะฟังเสียงบางอย่างที่เร่งด่วน อเช่นเสียงอุปกรณ์ตรวจจับควันและเสียงกริ่งประตู โดยใช้ระบบอัจฉริยะบนอุปกรณ์ และแจ้งเตือน เมื่อมีการตรวจจับได้
นอกจากนี้เรายังสามารถฝึกอุปกรณ์ให้ฟังเสียงจากอุปกรณ์ไฟฟ้าบางประเภทที่อยู่ในสภาพแวดล้อมแม้แต่เสียงเตือนของเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัว
เอาแบบย่อๆ ลองเปิดใช้งานกันดูนะคะ ยังมีอีกหลายฟีเจอร์ คราวหน้าจะเล่าให้ฟังอีกค่ะ
5 ฟีเจอร์ไม่ลับบน “แกร็บฟู้ด” ที่ช่วยให้ชีวิตหลังโควิดง่ายกว่าเดิม
รู้ยังแอป Find My ของ Apple เปิดให้แชร์ตำแหน่งของหายกับบุคคลอื่นได้