สุขภาพ

“เด็กฉลาดด้วยธาตุเหล็ก”

9 ธันวาคม 2568

ภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก (Iron Deficiency Anemia  – IDA) พบได้ถึง 1 ใน 3 ของเด็กไทยอายุต่ำกว่า 5 ปี โดยไม่แสดงอาการในระยะแรก จึงนับเป็น ‘ภัยเงียบ’ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อพัฒนาการทางสมองอย่างถาวร ทำให้ระดับสติปัญญา (IQ) ลดลงถึง 13% ดานอน ประเทศไทย จึงได้ร่วมมือกับ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข กรุงเทพมหานคร บุคลากรทางการแพทย์ ตลอดจนพันธมิตรร้านค้าปลีกอย่างซีเจ โลตัส บิ๊กซี และร้านค้าชั้นนำท้องถิ่น เดินหน้าขับเคลื่อนการรณรงค์ป้องกันภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก

แดนิช ราห์มัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ดานอนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และดานอน ประเทศไทย กล่าวว่า “ดานอนขอใช้วันขาดธาตุเหล็กโลก (Iron Deficiency Day) เป็นวันสำคัญในการย้ำเตือนถึงความจำเป็นเร่งด่วนของการป้องกันภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กในเด็กปฐมวัย และดานอนก็ขอเน้นย้ำความสำคัญของความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน เพื่อให้ผู้ปกครองสามารถเข้าถึงความรู้ที่จำเป็น และดูแลโภชนาการที่เหมาะสมในการป้องกันภาวะนี้ได้อย่างยั่งยืน”

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ดานอน ประเทศไทยได้เร่งขับเคลื่อนการป้องกันภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก โดยมีความร่วมมือที่ได้รับการขยายผลในหลายระดับ และในปีนี้ดานอน ประเทศไทยได้ร่วมมือกับกรมอนามัยเป็นครั้งแรกเพื่อขยายการป้องกันภายใต้แคมเปญ ‘เด็กฉลาดด้วยธาตุเหล็ก (Smart Kids with Iron)’ โดยมุ่งเน้นการตรวจคัดกรองตั้งแต่ระยะเริ่มต้นด้วยเครื่องมือคัดกรองความเสี่ยงภาวะ IDA (อุปกรณ์ตรวจวัดฮีโมโกลบิน โดยเทคโนโลยี Pulse CO-Oximetry แบบไม่ต้องเจาะเลือด) แก่ศูนย์อนามัยที่ 1เชียงใหม่  ศูนย์อนามัยที่ 3 นครสวรรค์ ศูนย์อนามัยที่ 5 ราชบุรี ศูนย์อนามัยที่ 6 ชลบุรี ศูนย์อนามัยที่ 9 นครราชสีมา ศูนย์อนามัยที่ 10 อุบลราชธานี ศูนย์อนามัยที่ 11 นครศรีธรรมราช ศูนย์อนามัยที่ 12 ยะลา และสถาบันพัฒนาสุขภาวะเขตเมือง เพื่อช่วยให้เด็กไทยได้รับการตรวจคัดกรองความเสี่ยงภาวะ IDA ตั้งแต่เนิ่น ๆ และได้รับการดูแลด้านโภชนาการที่เหมาะสม

แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า “โครงการ ‘เด็กฉลาดด้วยธาตุเหล็ก’ ทางกรมอนามัย มุ่งให้เด็กทุกคนได้รับธาตุเหล็กอย่างเพียงพอเพื่อพัฒนาการทางสมองที่เหมาะสม ความร่วมมือกับดานอนในการส่งเสริมโภชนาการ และการตรวจคัดกรองความเสี่ยงภาวะ IDA โดยไม่ต้องเจาะเลือดในพื้นที่นำร่อง ช่วยส่งเสริมการดำเนินงานของเราให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ช่วยลดความเสี่ยงด้านสุขภาพในระยะยาว และสร้างอนาคตที่สดใสให้แก่เด็กไทย”

นอกจากนี้ ดานอน ประเทศไทยยังได้ร่วมมือกับกรุงเทพมหานคร หน่วยงานภาครัฐ บุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงพันธมิตรร้านค้าปลีกอย่างซีเจ โลตัส บิ๊กซี และร้านค้าชั้นนำท้องถิ่น อย่างต่อเนื่องเพื่อปิดช่องว่างด้านการเข้าถึงการตรวจคัดกรอง ความรู้ และโภชนาการที่เหมาะสม

โดย ดานอน ได้กำหนดให้เดือนพฤศจิกายนเป็น ‘เดือนแห่งการป้องกันโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก (IDA Month) เพื่อเป็นช่วงเวลาสำคัญในการรวมพลังพันธมิตรทุกภาคส่วน เพิ่มการสื่อสารให้เกิดความตระหนักรู้ และกระตุ้นการตรวจคัดกรองเชิงรุก โดยดำเนินงานสอดคล้องกับโครงการของกรมอนามัยในระดับประเทศ และกิจกรรมรณรงค์ในพื้นที่ของกรุงเทพมหานคร ผนึกกำลังร่วมกันปกป้องอนาคตของเด็กไทย

ดานอนยังเน้นย้ำบทบาทของผู้ปกครองในการป้องกันภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก โดยตระหนักรู้ถึงผลกระทบด้านสุขภาพจากการขาดธาตุเหล็ก ดูแลโภชนาการประจำวันของลูกให้เหมาะสมตามวัยโดยเลือกอาหารที่มีธาตุเหล็กและวิตามินซีสูงเพื่อช่วยการดูดซึม และหมั่นสังเกตอาการอ่อนเพลีย ซึม เบื่ออาหารอย่างใกล้ชิด รวมถึงเข้ารับการตรวจคัดกรองอย่างน้อย 2 ช่วงวัย ได้แก่ ที่อายุ 9 เดือน (6-12 เดือน) และ ที่อายุ 4 ปี (3-5 ปี)  ซึ่งเป็นช่วงเวลาสำคัญของพัฒนาการทางร่างกายและสมอง เพื่อประเมินความเสี่ยง ติดตามผลและรับคำปรึกษาจากบุคลากรทางแพทย์อย่างทันท่วงที

“ทุกก้าวที่เรามุ่งมั่นป้องกันภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กคือก้าวสำคัญในการสร้างอนาคตที่แข็งแรงให้กับเด็กไทย และสังคมไทยในระยะยาว ดานอนให้ความสำคัญกับสุขภาพของเด็กรุ่นต่อไปอย่างจริงจัง เราจึงเดินหน้าขยายการเข้าถึงเครื่องมือตรวจคัดกรองความเสี่ยงภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กแบบไม่เจาะเลือดให้ครอบคลุมทั่วประเทศให้ได้มากยิ่งขึ้น พร้อมพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อส่งต่อความรู้ด้านโภชนาการให้แก่ผู้ปกครองและผู้ดูแลสามารถเข้าถึงได้ง่าย ตลอดจนร่วมมือกับภาครัฐในการขยายโครงการรณรงค์ป้องกันภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กทั่วประเทศ เราอยากชวนให้ทุกครอบครัวมาร่วมมือกันลดปัญหานี้ให้หมดไป เพราะเด็กทุกคนควรได้เติบโตอย่างดีที่สุดตั้งแต่ก้าวแรกของชีวิต” แดนิช ราห์มัน กล่าวสรุป