เทคโนโลยี

กว่าจะเป็นนาฬิกาใต้น้ำ Apple Watch Ultra

30 พฤศจิกายน 2565

กว่าจะเป็นนาฬิกาใต้น้ำ Apple Watch Ultra

นักดำน้ำสกูบากลุ่มแรกเริ่มออกทะเลในช่วงทศวรรษ 1950 เพื่อดำสำรวจความลึกของผืนน้ำบนโลกใบนี้ ซึ่งในตอนนั้นยังคงไม่มีไดฟ์คอมพิวเตอร์ จนกระทั่งอีกประมาณ 30 ปีให้หลัง

ต่อมาในช่วงทศวรรษ 80 และ 90 นักดำน้ำที่ผ่านการรับรองหลายคนยังคงใช้ปากกาเขียนตารางการดำน้ำของตัวเอง โดยใช้อัลกอริทึมการลดความกดของ Bühlmann เพื่อติดตามความลึกและระยะเวลาที่อยู่ในน้ำเพื่อให้มั่นใจว่าจะสามารถดำลงสู่ใต้ผิวน้ำได้อย่างปลอดภัยโดยไม่ทำให้ร่างกายมีไนโตรเจนสูงเกินไปจนเป็นอันตราย

วันนี้ Apple Watch Ultra   เป็นนาฬิกาใต้น้ำได้แล้ว

อยากรู้เบื้องหลังการทำงานมั๊ยคะ

แอป Oceanic+ บน  Apple Watch Ultra  คือ หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Apple Watch เปลี่ยนเป็นไดฟ์คอมพิวเตอร์ที่ทรงพลังและใช้ง่าย

แอป Oceanic+  ออกแบบโดย Huish Outdoors ร่วมกับ Apple  ตัวช่วยให้นักดำน้ำสกูบาเชิงนันทนาการสามารถนำนาฬิกาที่ใส่อยู่ในชีวิตประจำวันดำลงไปสู่ความลึกสูงสุด 40 เมตร อย่างที่ไม่เคยทำได้มาก่อนด้วยตัววัดความลึกแบบใหม่หมดและเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิน้ำบน Apple Watch Ultra

แอป Oceanic+ บน Apple Watch Ultra เป็นหนึ่งในนวัตกรรมสำคัญที่สุดที่เราไม่เห็นในวงการดำน้ำมานานแล้ว และเราก็ต้องการสร้างประสบการณ์การดำน้ำที่เข้าถึงได้ แชร์ได้ และดียิ่งขึ้นสำหรับทุกคน” Mike Huish  CEO ของบริษัท เล่าให้ฟัง

Andrea Silvestri รองประธานฝ่ายการพัฒนาและออกแบบผลิตภัณฑ์ของ Huish Outdoors ซึ่งเป็นผู้นำการสร้างแอป Oceanic+  ได้ทำการทดสอบ Oceanic+ บนนาฬิกาใต้น้ำ เพื่อเตรียมแอปให้พร้อมสำหรับการเปิดตัว

เขาชื่นชม Apple Watch Ultra  ที่ใช้งานง่ายไม่ซับซ้อน ซึ่งช่วยให้นักดำน้ำสามารถจดจ่ออยู่กับช่วงเวลานั้นและมีสมาธิกับสภาพแวดล้อมโดยไม่ต้องกังวลกับการคิดคำนวณในใจและการกดปุ่มที่ซับซ้อนอย่างที่ต้องทำกับไดฟ์คอมพิวเตอร์อื่นๆ

จอภาพ Retina ขนาดใหญ่ที่สว่าง และ SiP รุ่น S8 แบบ Dual-core  , Digital Crown และปุ่มการทำงานที่มีมาให้เฉพาะ หรือแม้แต่การตอบสนองแบบสั่น ซึ่งออกแบบมาดีเยี่ยมและสังเกตเห็นได้ง่ายมากเมื่ออยู่ในน้ำ เรียกว่าเป็นสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อนเลยในการดำน้ำสกูบา” Silvestri  ยืนยัน

Apple Watch Ultra สร้างมาสำหรับกิจกรรมที่เน้นความทนทานของร่างกาย การสำรวจ และการผจญภัย ผ่านการรับรอง WR100 และ EN 13319 ซึ่งเป็นมาตรฐานระดับสากลสำหรับอุปกรณ์ดำน้ำ  สามารถปรับแต่งปุ่มการทำงานเพื่อใช้สำหรับเปิดแอป Oceanic+ เข้าสู่หน้าจอก่อนเริ่มดำน้ำ และขณะดำน้ำยังสามารถกดปุ่มการทำงานเพื่อกำหนดองศาทิศบนเข็มทิศได้ด้วย

Silvestri  บอกว่า ช่วงต้นทศวรรษ 90 ตอนที่เขาออกแบบไดฟ์คอมพิวเตอร์เครื่องแรก ส่วนใหญ่ใช้อัลกอริทึมคล้ายๆ กัน แต่กว่าจะเข้าใจข้อมูลที่เครื่องกำลังบอกนั้น ต้องใช้ความพยายามสูงมาก หนึ่งในสิ่งที่เรียกได้ว่าปฏิวัติวงการเลยสำหรับแอปใหม่ของเราก็คือ อินเทอร์เฟซการใช้งาน ทั้งสีสัน และแอนิเมชั่น โดยมีลูกศรหนึ่งอันบอกให้ดำขึ้น‘, ‘ดำลงหรือหยุดซึ่งเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการถ่ายทอดข้อมูลนั้น

การวางแผนดำน้ำ ผู้ใช้สามารถตั้งเวลาขึ้นสู่ผิวน้ำ ความลึก และก๊าซ แล้วแอป Oceanic+ จะคำนวณเวลา No Deco (ไม่ติดดีคอมเพรสชั่น) ซึ่งเป็นเกณฑ์ที่ใช้กำหนดระยะเวลาสูงสุดสำหรับนักดำน้ำที่ความลึกระดับใดระดับหนึ่ง

นอกจากนี้ตัววางแผนยังนำสภาพต่างๆ ที่ส่งผลต่อการดำน้ำมาพิจารณาด้วย ทั้งน้ำขึ้นน้ำลงอุณหภูมิน้ำ หรือแม้แต่ข้อมูลล่าสุดที่ส่งมาจากชุมชน อย่างทัศนวิสัยและกระแสน้ำ จากนั้นเมื่อดำน้ำเสร็จผู้ใช้ก็จะเห็นข้อมูลต่างๆ อย่างจุดลงและจุดขึ้นตาม GPS ซึ่งจะแสดงขึ้นมาบน Apple Watch Ultra โดยอัตโนมัติ  ข้อมูลสรุปโปรไฟล์การดำน้ำ

ส่วนแอป Oceanic+ บน iPhone ก็จะแสดงข้อมูลสรุปที่มีรายละเอียดอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น แผนที่ของจุดลงและจุดขึ้น กราฟความลึก อุณหภูมิ อัตราการเปลี่ยนระดับขึ้น และลิมิตของการเกิดดีคอมเพรสชั่น

การตอบสนองแบบสั่น ซึ่งเป็นความสำเร็จด้านการออกแบบทั้งในส่วนฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่ทำให้นาฬิกาสามารถสะกิดเตือนผู้ใช้บนข้อมือได้โดยใช้วิธีการสั่นต่อเนื่องและเสียงปิ๊ป  ช่วยให้นักดำน้ำรับรู้ถึงการแจ้งเตือนขณะอยู่ใต้น้ำแม้จะสวมเว็ทสูทที่หนาถึง 7 มม. ก็ตาม

แอป Oceanic+ สำหรับ Apple Watch Ultra  ดาวน์โหลดได้แล้วจาก App Store ต้องใช้กับ Apple Watch Ultra ที่ใช้ watchOS 9.1 ที่จับคู่กับ iPhone 8 หรือใหม่กว่า และ iPhone SE (รุ่นที่ 2) หรือใหม่กว่าที่ใช้ iOS 16.1

แผนบริการขั้นพื้นฐานไม่มีค่าใช้จ่าย และมาพร้อมฟังก์ชั่นการดำน้ำทั่วไปหลายอย่าง เช่น ความลึกและระยะเวลา รวมถึงการบันทึกข้อมูลการดำน้ำล่าสุดแบบจำกัดจำนวนครั้ง

แต่หากต้องการใช้การติดตามดีคอมเพรสชั่น, การรับโหลดของเนื้อเยื่อ, ตัววางแผนจุดดำน้ำ และสมุดบันทึกแบบไม่จำกัดจำนวนครั้ง Oceanic+ มีค่าบริการ 389 บาท ต่อเดือน หรือ 3,100 บาท ต่อปีส่วนคุณสมบัติการแชร์กันในครอบครัวมีค่าบริการ 4,600 บาท ต่อปี และสามารถใช้งานได้สูงสุด 5 คนปฏิบัติตามระเบียบในการดำน้ำ ดำน้ำเป็นคู่ และมีอุปกรณ์สำรองเสมอ

ผู้เขียน
ทีม iJournalist