ปัจจุบันประเทศไทยเข้าสู่สังคมสูงวัย และพบปัญหาสุขภาพในช่องปากของผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น จากการสำรวจสภาวะทันตสุขภาพระดับประเทศของกรมอนามัยในปี 2560 พบผู้สูงอายุ 60-74 ปี มีฟันแท้เฉลี่ย 18 ซี่/คน และเมื่ออายุ 80-85 ปีลดลงเหลือเพียง 10 ซี่/คน ในจำนวนนี้มีผู้สูงอายุที่สูญเสียฟันทั้งปากถึง 8.7%
การสูญเสียฟัน ส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกาย คุณภาพชีวิต และการใช้ชีวิตประจำวัน ยิ่งในผู้ป่วยโรคเรื้อรังยังเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนอันเกิดจากปัญหาสุขภาพในช่องปาก และนอกจากการเกิดโรคแล้ว ปัญหาสุขภาพช่องปากยังส่งผลต่อในเรื่องการใช้งาน เช่น การกินอาหาร การพูด การทำความสะอาดฟัน หรือเรื่องอารมณ์ เช่น การยิ้มให้ผู้อื่น เมื่อสูญเสียฟันก็จะเกิดความไม่มั่นใจหรือไม่กล้าออกไปพบปะสังสรรค์กับผู้คน และบางรายยังมีผลในเรื่องของการนอนหลับที่มีคุณภาพอีกด้วย
นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมอนามัย และภาคีเครือข่ายได้ร่วมกันจัดทำโครงการเพื่อแก้ไขปัญหาการสูญเสียฟันในผู้สูงอายุคือโครงการฟันเทียมพระราชทาน เพื่อส่งเสริมให้ผู้สูงอายุเข้าถึงการใส่ฟันเทียมเพื่อทดแทนฟันที่ถูกถอนออกไป ทำให้ผู้สูงอายุกลับมาใช้ฟันในการบดเคี้ยว ได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนเพิ่มมากขึ้น และในปัจจุบันยังมีโครงการฟันเทียมพระราชทาน และโครงการรากฟันเทียมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 72 พรรษา 28 กรกฎาคม 2567 เพื่อช่วยให้ผู้สูงอายุ สามารถกินอาหารได้ดีขึ้น มีพลังในการยิ้ม การเข้าสังคม การพูดจาชัดเจนดีขึ้น และมีความสุขมากขึ้น
ด้าน นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ในส่วนของรากฟันเทียม ในโครงการฟันเทียมพระราชทาน และโครงการรากฟันเทียมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 72 พรรษา 28 กรกฎาคม 2567 นั้น เป็นการต่อยอดจากการใส่ฟันเทียม เนื่องจากพบว่าสูงอายุที่ใช้ฟันปลอมแบบถอดได้ประมาณ 10% ที่ร่องเหงือกเริ่มหดร่น จนฟันปลอมหลวมและเคี้ยวอาหารไม่ได้ ด้วยเหตุนี้จึงมีการนำนวัตกรรมรากฟันเทียมมาใช้ฝังในกระดูกกราม ซึ่งจะช่วยให้ยึดฟันเทียมได้แน่นมากขึ้น โดย สปสช. ได้บรรจุรากฟันเทียมเป็นสิทธิประโยชน์ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และในเบื้องต้นจะให้สิทธิแก่ผู้มีสิทธิบัตรทองที่มีความจำเป็นต้องใช้ฟันเทียมทั้งปากแต่เหงือกร่นจนไม่สามารถใช้ฟันเทียมได้ก่อน เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ลำบากที่สุด
โครงการฟันเทียมพระราชทาน และโครงการรากฟันเทียมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 72 พรรษา 28 กรกฎาคม 2567 จะมีการรณรงค์ไปอีก 2 ปี สำหรับผู้สูงอายุที่มีปัญหาในการบดเคี้ยว สามารถติดต่อไปยังหน่วยบริการที่มีทันตแพทย์ใกล้บ้านเพื่อขอรับคำปรึกษา หากทันตแพทย์วินิจฉัยแล้วเห็นว่ามีความจำเป็นต้องฝังรากฟันเทียมก็จะดำเนินการฝังรากฟันให้ หรือถ้าหน่วยบริการนั้นทำไม่ได้ก็จะส่งต่อไปยังโรงพยาบาลที่สามารถทำได้
“อาหารมีความสำคัญอย่างยิ่งในการทำให้คนเรามีสุขภาพดี และ สารอาหารที่ครบบริบูรณ์จะต้องเข้าสู่ร่างกายผ่านการบดเคี้ยว แต่ผู้สูงอายุที่สูญเสียฟันไม่มีฟันสำหรับบดเคี้ยว ทำให้ต้องทานเฉพาะพวกอาหารนิ่มๆ มีแต่แป้ง ทำให้ได้สารอาหารไม่ครบทั้ง 5 หมู่ ส่งผลให้ร่างกายไม่แข็งแรง เพราะฉะนั้น การใส่ฟันเทียมจึงมีความจำเป็นสำหรับบดเคี้ยวอาหาร”ศ.พิเศษ ทพญ. ท่านผู้หญิงเพ็ชรา เตชะกัมพุช ประธานกรรมการมูลนิธิทันตนวัตกรรม ในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวสรุป
รู้ยังแอป Find My ของ Apple เปิดให้แชร์ตำแหน่งของหายกับบุคคลอื่นได้