เทคโนโลยี

การ์ทเนอร์ เปิด 5 เทรนด์ “ความเป็นส่วนตัว”

4 กรกฎาคม 2565

    การ์ทเนอร์เผยองค์กรต่าง ควรให้ความสำคัญกับ 5 แนวโน้มด้านความเป็นส่วนตัว เพื่อรับมือต่อความท้าทายสำหรับปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลและปฏิบัติตามกฎระเบียบความเป็นส่วนตัวทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

    นาเดอร์ เฮเนน รองประธานฝ่ายวิเคราะห์ของการ์ทเนอร์ กล่าวว่า ภายในสิ้นปี ..2567 คาดว่า75% ของประชากรทั่วโลกจะมีข้อมูลส่วนบุคคลอยู่ภายใต้ระเบียบข้อบังคับความเป็นส่วนตัวที่ทันสมัยโดยวิวัฒนาการของกฎระเบียบเหล่านี้เป็นปัจจัยเร่งสำคัญ ทำให้การดำเนินงานด้านความเป็นส่วนตัวมีความรวดเร็วยิ่งขึ้น

นาเดอร์ เฮเนน รองประธานฝ่ายวิเคราะห์ของการ์ทเนอร์

 

   ด้วยความพยายามผลักดันกฎระเบียบความเป็นส่วนตัวให้ขยายวงกว้าง คาดว่า สองปีข้างหน้านี้หลายองค์กรต่างเล็งเห็นความจำเป็นและเริ่มโครงการความเป็นส่วนตัว  การ์ทเนอร์คาดการณ์ว่า งบประมาณประจำปีด้านความเป็นส่วนตัวโดยเฉลี่ยขององค์กรขนาดใหญ่จะสูงกว่า 2.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี .. 2567

      สำหรับ 5 แนวโน้มด้านความเป็นส่วนตัว ซึ่งจะเป็นเทรนด์ที่จะได้เห็น ดังนี้

      ปรับข้อมูลให้เหมาะกับท้องถิ่น (Data Localization)

     ในสังคมดิจิทัลที่ไร้พรมแดน การพยายามหาหนทางควบคุมประเทศที่มีข้อมูลอยู่นั้นดูเหมือนจะขัดกับความรู้สึก อย่างไรก็ตาม การควบคุมนี้เป็นข้อกำหนดโดยตรงหรือเป็นผลพลอยได้จากกฎหมายความเป็นส่วนตัวที่เกิดขึ้นใหม่จำนวนมาก การวางแผน Data Localization จะเปลี่ยนลำดับความสำคัญสูงสุดในการออกแบบและการจัดหาบริการคลาวด์

       เทคนิคการประมวลผลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพความเป็นส่วนตัว (Privacy-Enhancing Computation Techniques) 

       การประมวลผลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพความเป็นส่วนตัว (หรือ PEC) ต่างจากการควบคุมความปลอดภัยในข้อมูลที่พักนิ่งทั่วไป (Data-At-Rest) กล่าวคือ สามารถปกป้องข้อมูลในขณะที่ใช้งานอยู่ ส่งผลให้องค์กรสามารถใช้รูปแบบการประมวลผลข้อมูลและการวิเคราะห์ที่ก่อนหน้านี้ไม่สามารถทำได้มาก่อน เนื่องจากติดปัญหาความเป็นส่วนตัวหรือความปลอดภัยได้  การ์ทเนอร์คาดการณ์ว่าภายในปี .. 2568 องค์กรขนาดใหญ่ 60% จะใช้เทคนิคของ Privacy-Enhancing Computation อย่างน้อยหนึ่งเทคนิคเพื่อการวิเคราะห์ หรือใช้ในธุรกิจอัจฉริยะ หรือเพื่อการประมวลผลบนคลาวด์ 

 

 การกำกับดูแลด้วยเทคโนโลยี AI (AI Governance)

   ผลสำรวจของการ์ทเนอร์ พบว่า 40% ขององค์กรมีการละเมิดความเป็นส่วนตัวจาก AI แต่มีเพียงหนึ่งในสี่เท่านั้นที่เป็นอันตราย ไม่ว่าองค์กรจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลผ่านโมดูลที่ใช้ AI ที่รวมอยู่ในข้อเสนอของผู้จัดจำหน่าย หรือจากแพลตฟอร์มแยกที่จัดการโดยทีมวิทยาศาสตร์ข้อมูลภายในองค์กรความเสี่ยงต่อความเป็นส่วนตัวและการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลในทางที่ผิดนั้นยังคงมีอยู่

     ประสบการณ์ความเป็นส่วนตัวแบบรวมศูนย์ UX (Centralized Privacy UX)

   องค์กรที่มองการณ์ไกลและเข้าใจถึงข้อดีของการนำ UX ด้านความเป็นส่วนตัวมารวมกัน ทั้ง การแจ้งเตือน คุกกี้ การจัดการความยินยอม และการจัดการคำขอใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูล (หรือ SRR)  ภายในปี ..2566 การ์ทเนอร์คาดว่า 30% ขององค์กรที่ให้บริการโดยตรงกับผู้บริโภคจะเสนอพอร์ทัลความโปร่งใสแบบบริการตนเองเพื่อจัดเตรียมการตั้งค่าและการจัดการความยินยอม

 

     จากรีโมทกลายเป็นทุกอย่างต้องไฮบริด” (Remote Becomes “Hybrid Everything”)

     องค์กรควรใช้แนวทางความเป็นส่วนตัวที่เน้นมนุษย์เป็นศูนย์กลาง และควรใช้ข้อมูลเพื่อนำมาตรวจสอบให้น้อยที่สุด ต้องมีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน เช่น ใช้ปรับปรุงประสบการณ์ของพนักงานโดยขจัดแรงต้านที่ไม่จำเป็นหรือลดความเสี่ยงจากภาวะหมดไฟทำงานด้วยการทำเครื่องหมายกำหนดความเสี่ยงด้านความเป็นอยู่ที่ดี

  อ่านผลสำรวจฉบับเต็มได้ที่ ของการ์ทเนอร์ได้ที่ Top Trends in Privacy Driving Your Business Through 2024   และ www.gartner.com/en/information-technology.