กลยุทธ์ปี 2568 ของ IT CITY ร่วมมือ AIS เพิ่มสิทธิพิเศษให้ลูกค้าทั้งสองฝั่ง

IT CITY ร่วมมือ  ‘AIS’   ให้เข้าถึงสิทธิพิเศษ พร้อมขยายกลยุทธ์ ซื้อถือกับ IT CITY  จอแตกจอเบิร์นเปลี่ยนให้  2 ครั้งใน 2 ปี

รายได้และผลกำไรของ IT CITY ยังแข็งแกร่ง

นายโสภณ อิงค์ธเนศ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ไอที ซิตี้ จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจค้าปลีกสินค้าไอทีแบบครบวงจร เปิดเผยว่า ในปีนี้ เตรียมลงทุนขยายสาขาใหม่อีกหลายแห่ง  ทบทวนปรับเปลี่ยนสาขาในบางทำเล เพื่อรักษาผลดำเนินการและกำไรในภาพรวม  ปรับปรุงสื่อหน้าร้านและรูปแบบการวางสินค้าหน้าร้านทั้งหมดให้ทันสมัยและดึงดูดลูกค้าให้มากขึ้น

  ในปี 2567 ที่ผ่านมา กลุ่มผลิตภัณฑ์ของ IT CITY ที่มีสัดส่วนยอดขายมากที่สุด 3 อันดับแรก คือ  1.สินค้าอุปกรณ์สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต (Smartphone/ Tablet) 58%, 2.สินค้าอุปกรณ์ไอที (IT Devices) 27% และ 3.สินค้าอุปกรณ์เสริมไอที (IT Accessory) 7%

  กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีสัดส่วนกำไรมากที่สุด 3 อันดับแรก คือ 1.สินค้าอุปกรณ์สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต (Smartphone/ Tablet) 48%,  2.สินค้าอุปกรณ์ไอที (IT Devices) 20% และ 3. สินค้าอุปกรณ์เสริมสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต (Smartphone/ Tablet Accessory) 16%

  IT CITY แบ่งกลุ่มสินค้า ออกเป็น 5 กลุ่มหลัก ประกอบด้วย 1.สินค้าอุปกรณ์ไอที (IT Devices), 2.สินค้าอุปกรณ์สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต (Smartphone/ Tablet), 3.สินค้าอุปกรณ์เสริมไอที (IT Accessory) 4.สินค้าอุปกรณ์เสริมสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต (Smartphone/ Tablet Accessory) และ 5.ซิมการ์ด และการเปิดเบอร์

ปัจจุบัน   IT CITY  มีจำนวน 330 สาขาทั่วประเทศ รายรับและรายได้ยังแข็งแกร่งต่อเนื่อง  กลุ่มสินค้าอุปกรณ์เสริม (Accessory ) เป็นพอร์ตหลัก รวมถึงแบรนด์ WISE  อุปกรณ์เสริมแบรนด์ของIT CITY  เน้นความคุ้มค่าก็มียอดขายในระดับดี

การมาของ AI คือความท้าทายของชอปสินค้าไอที

ผู้บริหารของ IT CITY  ยอมรับว่า  เทรนด์สินค้าไอทีของปีนี้ ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงข้อมูลได้มากขึ้น ดังนั้นเทรนด์สินค้าต้องทันความต้องการ  อีกทั้งการมาของเทคโนโลยี  AI  มีความท้าทายต่อการทำงานของพนักงานประจำสาขาที่จะต้องอธิบายกับลูกค้าที่เดินมา ซึ่งมีความคาดหวัง พนักงานจะรู้มากกว่า

ภาพรวมตลาดสินค้า/อุปกรณ์ไอทีประเทศไทยในปี 2568 คาดยังมีแนวโน้มขยายตัว จากปัจจัยหลักการ

เข้ามาของเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่จะเข้ามาอยู่ในรูปแบบฟีเจอร์ต่างๆ ของผลิตภัณฑ์ที่อยู่ใกล้ชิดผู้บริโภค   มีส่วนผลักดันให้ตลาดสมาร์ทโฟนขยายตัวต่อเนื่องจากในปีที่ผ่านมา

ความร่วมมือกับ AIS

IT CITY   มีความร่วมมือกับ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส (AIS) ในฐานะเอ็กซ์คลูซีฟพาร์ทเนอร์ ส่งมอบประสบการณ์เหนือระดับ พร้อมสิทธิประโยชน์ให้กับกลุ่มลูกค้าไอที ซิตี้ และ AIS  ดังนี้

  ลูกค้าไอที ซิตี้สามารถเปิดเบอร์ AIS ใหม่ พร้อมรับสิทธิ์ส่วนลดพิเศษค่าเครื่อง ผ่านหน้าร้าน IT CITY ได้ทุกสาขาทั่วประเทศ

· ลูกค้าเก่ารายเดือนของ AIS  สามารถใช้สิทธิ์ส่วนลดพิเศษค่าเครื่อง ผ่านหน้าร้าน IT CITY ทุกสาขาทั่วประเทศ ได้เช่นกัน

· ลูกค้า IT CITY ที่ใช้บริการ AIS ยังจะได้รับสิทธิพิเศษเพิ่มเติม เช่น สิทธิ์ส่วนลดในการซื้อสินค้าอื่น ๆ ภายในร้าน การเข้าร่วมกิจกรรมพิเศษ หรือสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมในอนาคต ฯลฯ

  นายประพัฒน์ เสียงจันทร์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านธุรกิจค้าปลีก AIS กล่าวว่า  การทำงานร่วมกันครั้งนี้จะช่วยขับเคลื่อนการทำงานเพื่อสามารถส่งมอบสินค้าและบริการดิจิทัลที่เข้าใจทุกดิจิทัลไลฟ์สไตล์พร้อมสิทธิพิเศษให้ดียิ่งขึ้น ในอนาคตจะมีกล่องรับทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์ของ AIS ไปตั้งที่ร้าน IT CITY  เพื่อนำไปกำจัดให้ถูกวิธี

 จอแตกจอเบิร์น IT CITY  เปลี่ยนให้

นายเกษม ศรีเลิศชัยพานิช รองกรรมการผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ไอที ซิตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า กลยุทธ์หลักที่จะใช้สำหรับส่งเสริมการขายในปี 2025 เพื่อรองรับความต้องการผู้บริโภคคนรุ่นใหม่ แบ่งเป็น 2 ส่วนคือ

ระบบประกันสมาร์ทโฟน Max Protection by IT CITY

ซึ่งเป็นประกันความคุ้มครองทุกมิติ ที่ดีที่สุดในตลาด โดยลูกค้าสามารถเคลมผ่านหน้าร้านเครือ IT CITY ได้ทุกสาขาทั่วประเทศ ด้วยเป็นประกันความคุ้มครองสมาร์ทโฟนใน 5 มิติ ประกอบด้วย

• เปลี่ยนเครื่องทันที ใน 30 วัน

• ประกันหน้าจอแตก จอเบิร์น 2 ครั้ง ใน 2 ปี

• ประกันเครื่อง ซ่อมได้ใน 2 ปี ไม่จำกัดจำนวนครั้ง

• ประกันแบตเตอรี่ 1 ครั้ง ใน 2 ปี

• ดูแลซอฟต์แวร์ตลอดอายุการใช้งาน

ระบบสะสมคะแนน    IT CITY Reward

ทุกยอดใช้จ่าย 100 บาท จะได้รับ 1 คะแนน IT CITY Reward  ใช้แลกรับสิทธิประโยชน์ต่างๆ 

  ทั้งนี้ ในไตรมาส 2 ปีนี้ สามารถจอง/ซื้อสินค้าผ่านเว็บไซต์ www.itcity.in.th แล้วรับสินค้าได้ที่หน้าร้านได้ทุกสาขาทั่วประเทศ  เพื่อเสริมความแข็งแกร่งช่องทางอีคอมเมิร์ซ ให้เติบโตเพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนยอดขายราว 5% ของช่องทางออฟไลน์ เติบโตขึ้น 2% จากปี 2566 และได้พัฒนาระบบสมาร์ท เวาเชอร์ (Smart Voucher) พร้อมเพิ่มกลุ่มสินค้าที่ใช้งานร่วมกับ Smart Voucher มากขึ้น เพื่อให้มีตัวเลือกแลกสินค้าเพิ่มมากขึ้น