สคส. จี้บริษัทเคลียร์ให้ชัด เตือนประชาชนระวัง “สแกนม่านตา” ย้อนกลับ
เพจ Facebook ของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ( สคส.) ได้โพสต์ข้อความเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2568 ระบุว่า สคส. จี้บริษัทเคลียร์ให้ชัด แจงประชาชนระวัง “สแกนม่านตา” ย้อนกลับ ระบุตัวบุคคลได้ ภายหลังการจัดให้มีการตรวจพิสูจน์หลักฐานการลบทำลายข้อมูลม่านตาในกรณีสแกนม่านตาแลกเหรียญ WorldID พบว่า ผู้ที่สแกนม่านตาไปแล้วไม่สามารถสแกนซ้ำได้ จึงชัดเจนว่าการสแกนม่านตา นอกจากมีวัตถุประสงค์ในการยืนยันความเป็นมนุษย์แล้ว ยังมีวัตถุประสงค์ในการตรวจสอบไม่ให้ซ้ำบุคคลเดิมอีกด้วย
แม้ว่าในการทำงานของ Orb จะมีการลบทำลายข้อมูลม่านตาหรือไม่ก็ตาม ก็ถือได้ว่าข้อมูลม่านตาดังกล่าวสามารถย้อนกลับมาระบุถึงตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงทางอ้อม ซึ่งประเด็นนี้ประชาชนควรต้องทราบก่อนตัดสินใจให้ความยินยอมเข้าสแกนม่านตา
สคส. ขีดเส้นแดงความโปร่งใส และสิทธิของประชาชนเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลต้องมาก่อน เตือนหากขอ Consent ไม่โปร่งใส หรือแจ้งวัตถุประสงค์ไม่ชัดเจน หรือไม่ได้แยกส่วนจากข้อความอื่น เสี่ยงโทษปรับสูงสุด 5 ล้าน พร้อมย้ำ “ข้อมูลม่านตาคือข้อมูลอ่อนไหว” มีความเสี่ยงสูงที่อาจส่งผลกระทบต่อสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลอย่างร้ายแรงได้ โดยผลการตรวจพิสูจน์เบื้องต้นพบว่า
• Orb ไม่ใช่อุปกรณ์เดียว ที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมนี้ ยังมี server และอุปกรณ์อื่นร่วมด้วย
• การลบข้อมูลใน Orb ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าข้อมูลถูกทำลายหมดจริง เพราะเมื่อสแกนซ้ำ ระบบยัง “รู้ว่าเป็นคนเดิม” → ดังนั้นในการขอ Consent จึงต้องแจ้งวัตถุประสงค์ให้ชัดว่า “สามารถย้อนมาระบุตัวบุคคลได้”
• Iris Code ถูกแปลงมาจากข้อมูลม่านตาซึ่งเป็นข้อมูลชีวภาพอ่อนไหวแล้วฝังลงในโทรศัพท์ ตามจริยธรรมการใช้ข้อมูลต้องไม่นำไปให้ผู้อื่นใช้ → ดังนั้นในการขอ Consent จึงต้องแจ้งให้ชัดว่า “ใช้ได้เฉพาะเจ้าของโทรศัพท์ผู้สแกนม่านตาเท่านั้น”
• ตรวจสอบ Privacy Notice พบว่าแต่ละเวอร์ชัน มีวัตถุประสงค์และเนื้อหาต่างกัน จึงให้บริษัทตรวจสอบและแก้ไขให้ถูกต้องสอดคล้องกับ PDPA ต่อไป
หากไม่ปฏิบัติตามข้อ 2 และข้อ 3 = ถือว่าเป็น การขอความยินยอมที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
เข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรา 26 ของ PDPA (เก็บรวบรวมข้อมูลอ่อนไหวโดยมิได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้ง)
มีโทษตามมาตรา 84 ปรับทางปกครองสูงสุดไม่เกิน 5 ล้านบาท
สคส.ขอย้ำว่า กรณีนี้ไม่ใช่เพียงการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลแต่เป็นการรักษาความสงบเรียบร้อย และศีลธรรมอันดีของประชาชนด้วย ซึ่งความหวังอยู่ที่การบังคับใช้กฎหมาย PDPA ดังนั้นต้องดำเนินการอย่างเคร่งครัด
ทั้งนี้ หากประชาชนผู้ใดได้รับความเสียหายตาม กม. PDPA สามารถใช้สิทธิร้องเรียนมายัง สคส. ได้ทาง ระบบรับคำร้องเรียน: https://complaint.pdpc.or.th/ หรือโทร 02-111-8800 กด 2 เรื่องร้องเรียน
World สยบข่าวลือ “สแกนม่านตา”เคลียร์ 5 ประเด็นสำคัญ
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา หลังจากตกเป็นข่าวเรื่องสแกนม่านตา บริษัทผู้พัฒนาเทคโนโลยีสแกนม่านตา World นำโดยนายภัคพล ตั้งตงฉิน ผู้จัดการ Tools for Humanity ประจำประเทศไทย และนายฟาเบียน โบดันสไตเนอร์ Managing Director จาก World Foundation ได้ร่วมแถลงข้อเท็จจริงหลังเผชิญกระแสข่าวลือและความเข้าใจผิดเกี่ยวกับโครงการสแกนม่านตา ของ World
ผู้บริหารชาวไทยและต่างชาติ ยืนยันว่า World ไม่ใช่โครงการที่ทำโดย “มิจฉาชีพที่ไหนก็ไม่รู้” แต่เป็นเทคโนโลยีระดับโลกจากบริษัท Tools for Humanity (TFH) ก่อตั้งโดย Alex Blania และ Sam Altman นักวิจัยที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ เป้าหมายสำคัญคือการต่อสู้กับมิจฉาชีพที่นำ AI ไปใช้ในทางที่ผิด ปัจจุบันมีผู้ใช้งานทั่วโลกกว่า 33 ล้านคน รวมถึงในสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ ไต้หวัน ไทย และอีกหลายประเทศ
ระบบใช้เพื่อยืนยันความเป็นมนุษย์เท่านั้น ไม่ใช่ยืนยันตัวตน ยืนยันความปลอดภัย ไม่ซื้อ-เก็บ-ขายข้อมูลชีวมิติ ข้อมูลรั่วไหลไม่เป็นความจริง ปรึกษาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินงานภายใต้กฏหมายและข้อบังคับไทยอย่างต่อเนื่อง และแยกมนุษย์ออกจาก Bot เพื่อป้องกันการฉ้อโกงในโลกดิจิทัล ทั้งนี้การยืนยัน ความเป็นมนุษย์ผ่าน Orb ต้องดำเนินการทุกขั้นตอนผ่านระบบและแอป World เท่านั้น
ภารกิจหลักของ World คือการปกป้องประชาชนจากภัยออนไลน์ ด้วยการสร้าง “เกราะ” พิสูจน์ ความเป็นมนุษย์ ท่ามกลางยุคที่มิจฉาชีพใช้บอทและ AI หลอกลวงมากขึ้น เทคโนโลยีสแกนม่านตาของ World ทำให้สามารถยืนยันได้ว่าบุคคลที่อยู่เบื้องหลังบัญชีหรือธุรกรรมออนไลน์เป็นมนุษย์จริง ไม่ใช่บัญชีปลอมจึงช่วย ลดปัญหาการหลอกลวงทางดิจิทัลที่อาศัยบอทหรือการสวมรอยได้อย่างมีนัยสำคัญ ในประเทศไทย World ได้ร่วม มือกับพันธมิตร เช่น Pantip, Whoscall, Eventpop และเกม Ragnarok Landverse เพื่อเสริมเกราะคุ้มกันให้กับ ผู้ใช้งานจริง
นอกจากนี้ยังได้ประกาศลงทุนกว่า 25 ล้านบาท ในประเทศไทย เพื่อสนับสนุนนักพัฒนาไทยในการสร้าง Mini Apps และฐานข้อมูลที่ใช้ World ID เป็นกลไกยืนยันความเป็นมนุษย์ เงินลงทุนครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อ เร่งการเติบโตของระบบนิเวศเทคโนโลยีในประเทศ และผลักดันให้ผู้พัฒนาไทย ก้าวสู่เวทีโลกด้วยนวัตกรรมระดับสากล
ท้ายสุดนี้ World ขอให้ประชาชนโปรดระมัดระวัง มิจฉาชีพหรือผู้ไม่หวังดีที่แอบอ้าง โดยเฉพาะ การอ้างว่าแจกเงินสดหรือสิ่งตอบแทนเป็นการส่วนตัว เพื่อเข้าถึงบัญชี World ของท่าน ทั้งนี้การยืนยัน ความเป็นมนุษย์ผ่าน Orb ต้องดำเนินการทุกขั้นตอนผ่านระบบและแอป World เท่านั้น
อย่าได้คิดเจาะหน่วยงานปลอดภัยไซเบอร์ดีเด่นระดับชาติรางวัลเพียบ
Thailand Game Show คึกคักมากภาครัฐดันอุตสาหกรรมเกมสู่เวทีโลก
HUAWEI WATCH Ultimate 2 มีฟีเจอร์การสื่อสารใต้น้ำแบบอิสระด้วยโซนาร์
เที่ยวไทยเตรียมเปล่งประกาย “ลิซ่า” ตอบรับ Amazing Thailand Ambassador