สุขภาพ

มาแล้วลูกจ๋า “วัคซีนโควิด” เด็ก 6 เดือน – 4 ปี

11 ตุลาคม 2565

ถึงแม้ว่า โควิด-19 จะถูกปรับมาเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง แต่การฉีดวัคซีนโควิด -19 ก็ยังมีความสำคัญ

ขณะนี้คนส่วนใหญ่ฉีดวัคซีนไปมากกว่า 75% แล้ว ส่วนที่ยังไม่ได้ฉีดคือกลุ่มเด็กเล็กที่เมื่อก่อนวัคซีนยังไม่ครอบคลุม แต่ตอนนี้ได้มีการขยายขอบเขตไปยังกลุ่มเด็ก 6 เดือนถึง 4 ปีแล้ว และจะเริ่มคิกออฟฉีดวันที่ 12 ต.ค.นี้ ที่โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า จ.นนทบุรี

สำหรับ วัคซีน Pfizer ฝาสีแดง (Maroon cap) ที่จะฉีดให้กับเด็ก 6 เดือนถึง 4 ปี จะใช้ปริมาณวัคซีนโดสละ 0.2 มิลลิลิตร (3 ไมโครกรัม) ฉีดเข้ากล้าม 3 เข็ม เว้นระยะห่างระหว่างเข็มแรกและเข็มที่สอง 4 สัปดาห์ และเข็มที่สองและสามอย่างน้อย 8 สัปดาห์

สามารถฉีดวัคซีนโควิด 19 พร้อมกับวัคซีนอื่นๆ ในวันเดียวกันได้หรือห่างกันเท่าใดก็ได้

กรณีเด็กที่มีประวัติติดเชื้อโควิด 19 ให้เว้นระยะห่าง 3 เดือน นับจากวันที่ตรวจพบเชื้อ จำนวน 3 เข็ม (สัปดาห์ที่ 0, 4, 12) ซึ่งไม่ต้องตรวจการติดเชื้อก่อนการรับวัคซีน

ถ้าเด็กมีอายุครบ 5 ปี เมื่อถึงกำหนดรับวัคซีนเข็มถัดไป ก็ให้ฉีดวัคซีนฝาสีส้ม จนครบ 3 เข็ม โดยมีระยะห่างตามเดิม (สัปดาห์ที่ 0, 4, 12)

สำหรับข้อกังวลเรื่องผลข้างเคียงของวัคซีนนั้น นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค บอกว่า ในสหรัฐอเมริกามีการฉีดและติดตามล้านกว่าโดส พบว่ามีผลข้างเคียงน้อยกว่าเด็กโต ไม่มีอาการแทรกซ้อนรุนแรงถึงเสียชีวิต ถือว่าปลอดภัยสำหรับเด็กเล็ก และยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะ MIS-C จากการติดเชื้อด้วย

ด้าน พญ.ปิยนิตย์ ธรรมาภรณ์พิลาศ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านวัคซีน กรมควบคุมโรค ก็บอกว่าอาการข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนไม่รุนแรง มีความปลอดภัยดี โดยส่วนใหญ่จะเจ็บบริเวณที่ฉีด มีไข้ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร  โดยอาการข้างเคียงเหมือนกันทั้งเข็ม 1 เข็ม 2 และเข็ม 3  ไม่พบอาการข้างเคียงรุนแรงในการศึกษาที่ผ่านมา แต่มีบางคนที่ขึ้นผื่น ตัวบวมจากการแพ้ แต่ไม่มีอาการรุนแรงช็อก

อย่างไรก็ตาม จำนวนตัวอย่างที่ศึกษาที่ผ่านมาไม่ได้มากเท่ากับการใช้จริง ซึ่งก็ต้องมีการติดตามต่อไป และหลังฉีดเบื้องต้นต้องติดตามอาการ 15 นาทีเป็นอย่างน้อย