อย่าคิดว่าฉลาดแล้วจะรอดพ้นจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์

ประโยคข้างต้นเป็นคำกล่าวของพล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รองผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี   ภายหลังการลงนามในความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี  เพื่อจัดตั้ง “Hub of Knowledge” หรือ ศูนย์กลางแห่งความรู้ เพื่อเสริมสร้างการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางไซเบอร์

ในวาระครบรอบ 65 ปี ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568  มจธ.ได้มีการประกาศวิสัยทัศน์ “ภูมิปัญญา 65 ปี สู่วิถีแห่งความยั่งยืน” เพื่อต่อยอดสู่การเป็น “มหาวิทยาลัยแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต” (Lifelong Learning University) เต็มรูปแบบ เน้นสร้างการศึกษาที่เข้าถึงได้ทุกเพศทุกวัย   สร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ ตามความต้องการที่หลากหลาย

อย่าคิดว่าฉลาดแล้วจะรอดพ้นจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์

พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รองผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี   กล่าวว่า

สถิติล่าสุด มีการแจ้งความเกี่ยวกับอาชญากรรมไซเบอร์แล้วกว่า   700,000 คดี มูลค่าความเสียหายมากกว่า 70,000 ล้านบาท และมั่นใจว่ายังมีผู้ที่โดนหลอกแล้วไม่แจ้งความเพราะอายอีกจำนวนมาก ความเสียหายรวมน่าจะเกิน100,000 ล้านบาท เรื่องเหล่านี้ถือเป็นความเสียหายของประเทศไทย

ในอดีตคดีเกี่ยวกับทรัพย์ จะเป็นการลักทรัพย์ จี้ชิงทรัพย์  ฉกชิงวิ่งราว แต่เมื่อรูปแบบการดำรงชีวิตเปลี่ยนไป เทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตเข้ามามีบทบาทสำคัญในการดำรงชีวิตประจำวัน   ผู้ร้ายใช้ระบบคอมพิวเตอร์ร่วมกระทำความผิด

แล้วทำไมยังปราบปรามไม่ได้

พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รองผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี  บอกว่า  แก๊งค์คอลเซ็นเตอร์มี 3 กลุ่มใหญ่ ดังนี้ กลุ่มบนสุด คือ

1. กลุ่มจีนเทาที่อยู่นอกประเทศไทย ส่วนใหญ่อยู่ในเมียนมา ลาว เขมร และมาเลเซีย เมื่อได้เงินก็จะนำไปซื้อสินทรัพย์ อสังหาริมทรัพย์เพื่อฟอกเงิน

2.กลุ่มผู้บริหารการเงิน  จะอยู่ตามตะเข็บชายแดนไทย บางคนก็อยู่ในประเทศไทย  กลุ่มฟอกเงินรัสเซียในพัทยา เชียงใหม่ และอินเดีย  จัดเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ

3.กลุ่มบัญชีม้า ขายบัญชี  รับจ้างสแกนหน้า

เครดิตภาพ:ตำรวจไซเบอร์

แก๊งคอลเซ็นเตอร์รู้อย่างไรจะหลอกใคร

พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รองผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ให้ข้อมูลว่า    การทำงานของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มีหลายแผนก เช่น หากหลอกผู้เกษียณอายุ  จะอ้างว่าโทรมาจากกรมบัญชีกลาง ให้ลงทะเบียนคลิกลิงค์ หลอกถามข้อมูลส่วนตัวแล้วโอนเงินจากบัญชีผู้เกษียณอายุ

หากต้องการหลอกชายวัยกลางคน ซึ่งมีเงินมาก  จะหลอกให้รัก โดยการส่งภาพโปรไฟล์ผู้หญิงสาวสวย ชวนลงทุน

” จะมีรูปแบบทักทายทุกเช้า เรียกท่านขากินข้าวหรือยัง  ต่อมาก็จะเป็นที่รักขา  คนมีอายุก็จะเริ่มหลงใหลจากโปรโฟล์  ขั้นตอนต่อไปก็จะหลอกลงทุน  มีทันตแพทย์เกียรตินิยมหลายปริญญาโดนหลอก จำนวน 42 ล้านบาท  วิศวกรเกียรตินิยม ลงทุนทำโรงงานมูลค่าหลายร้อยล้าน   ก็ยอมรับว่า แค่โทรมาก็รู้ว่าเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์  แต่เมื่อคุยกัน 3 นาที ก็หลงคารม แก๊งคอลเซ็นเตอร์  จะมีโรงเรียนสอนการพูด จนกระทั่งชำนาญ มีทักษะในการหลอก ดังนั้นอย่าคิดว่าฉลาดแล้วจะรอดพ้นจากคอลเซ็นเตอร์ ต้องตระหนักรู้ด้วย“

ถ้าเป็นการหลอกหลวงในกลุ่มผู้พิการ จะมาในลักษณะชวนให้ไปทำงานให้เงินเดือนสูง ขอหลักฐานส่วนตัวทั้งทะเบียนบ้าน บัตรประชาชน  แล้วก็กลายเป็นบัญชีม้า

แก๊งคอลเซ็นเตอร์นอกประเทศต้องจัดการให้จบในปีนี้

พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รองผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ย้ำว่า ในปีนี้ต้องจบให้ได้ อย่างน้อย 80%  สำหรับกลุ่มจีนเทาที่อยู่นอกประเทศ ขณะนี้ได้มีความร่วมมือกับทางการจีน รวมถึงการแก้ไขกฎหมายหลายฉบับของไทย ต้องจับตัวการใหญ่มาดำเนินคดี ทางตำรวจมีรายชื่อกลุ่มจีนเทา 40 กลุ่ม  ซึ่งกลายเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ  อยู่ในไทยประมาณ 50,000 คน   บัญชีม้า 4-5 แสนบัญชี

”นอกจากนี้ยังมีมาตรการตัดน้ำ ตัดไฟ ตัดระบบสื่อสาร  บัญชีม้าแค่ปลายทาง  ตามยุทธการทลายคอกม้า จะเน้นจับตัวการใหญ่ แต่ถ้าเอาคนไทยที่เป็นบัญชีม้ามาเข้าคุกทั้งหมด ประเทศก็จะขาดแรงงาน แต่จะใช้วิธีถ้าพบคนไทยทำผิดก็จะนำไปบำบัดให้กลับคืนสู่สังคม “

ความร่วมมือกับ มจธ.ตั้ง “Hub of Knowledge”

รองศาสตราจารย์ ดร.สุวิทย์ แซ่เตีย อธิการบดี มจธ.กล่าวถึงความร่วมมือกับกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สอท.) ในการจัดตั้ง “Hub of Knowledge” หรือ ศูนย์กลางแห่งความรู้ เพื่อเสริมสร้างการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางไซเบอร์  โดยเน้นการพัฒนาเครื่องมือและเทคโนโลยีใหม่ๆ รวมถึงการให้ความรู้ในการรับมือกับภัยไซเบอร์ต่างๆ ให้ประชาชนทั่วไปที่จะดำเนินการผ่านแพลตฟอร์ม OneKMUTT ของ มจธ. และแอปพลิเคชัน ‘Cyber Check’ ของ สอท.”

ทั้งนี้ความร่วมมือของสองหน่วยงาน จะสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อสร้างการเรียนรู้ให้ประชาชน สร้างโปรแกรมต่างๆ เพื่อเป็นเครื่องมือให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานได้ง่ายขึ้น