12 สิงหาคม วันแม่แห่งชาติ เป็นวันสุดพิเศษของแม่ ทีม ijournallist ขอร่วมฉลองวันแม่ด้วยบทความนี้
เป็นประเด็นที่ได้มาด้วยความบังเอิญ เริ่มจากเห็นภาพในทวิตเตอร์มีคนโพสต์ภาพบราหรือเสื้อชั้นในผู้หญิง ถ้าภาษาพูดก็”ยกทรง” นั่นแหละ
เป็นยกทรงที่ใช้ผ้าลายแบบที่อยู่บนผ้าซิ่นของย่ายายใส่คู่กับเสื้อกระเช้า ผ้าไทยๆ มาตกแต่ง ทำให้ดูสวยงามและแปลกตายิ่งนัก ตัวละตั้ง 1,500 บาท
ตามประสานักข่าวผู้ชอบคันไม้คันมือกับทุกเรื่อง จึงเสาะหาข้อมูล จนกระทั่งได้รับความกรุณาคุยกับคุณ สุวรรณา วิชญาเดชะ ผู้อำนวยการฝ่ายผลิตภัณฑ์บีมี กลุ่มไทยวาโก้
คุณสุวรรณา บอกว่า เสื้อชั้นในรุ่นลายไทยนั้น ผลิตเป็นรุ่นพิเศษ สำหรับขายในคิงส์ พาวเวอร์เมื่อสองปีก่อน ช่วงที่ละครเรื่องบุพเพสันนิวาสกำลังโด่งดัง ผู้คนนิยมใส่ผ้าไทย ประกอบกับคิงส์พาวเวอร์เพิ่งจะปรับปรุงสำนักงานที่ถนนรางน้ำเสร็จ จึงขอให้ไทยวาโก้ออกแบบผลิตภัณฑ์ที่แสดงถึงความเป็นไทย วัฒนธรรมไทย เป็นรุ่นลิมิเต็ด
ทีมออกแบบซึ่งเป็นคนไทยทั้งหมดของไทยวาโก้ จึงช่วยกันคิดจนกระทั่งได้ชุดชั้นในรุ่นพิเศษตามภาพ ซึ่งเป็นการทำงานที่ยากเพราะผ้าลายไทยนั้นไม่มีความยืดหยุ่น จึงผสมผสานกับผ้าแบบอื่นด้วย ปรากฎว่า ขายเกลี้ยงหมดไปนานแล้ว
คุณสุวรรณา ให้ข้อมูลว่า ไทยวาโก้ ทำการวิจัยเกี่ยวกับสรีระของผู้หญิงไทยทุก 5 ปี เพื่อนำข้อมูลมาปรับปรุงผลิตภัณฑ์ ข้อมูลการวิจัยล่าสุดเมื่อปี 2563 พบว่า ผู้หญิงไทยมีขนาดหน้าอกเปลี่ยนไป ขยับเพิ่มไปอีก 1 คัพ หรือ 1 ไซส์
เมื่อก่อนจะเริ่มด้วย คัพ A 70 แต่คนรุ่นใหม่ขนาดเสื้อชั้นในจะเริ่มที่ B 75 เนื่องจากมีรูปร่างสูงขึ้น ลำตัวใหญ่ขึ้น จากอาหารการกินที่ดีขึ้น และบางส่วนทำศัลยกรรมหน้าอก
ดังนั้นจึงเป็นข่าวร้ายของสาวคัพ A ตัวเลือกของการซื้อบราสวยๆ จะน้อยลง เพราะเค้าลดการผลิต จะเน้นไปที่ คัพ B 75 เป็นหลัก ตามขนาดหน้าอกที่เปลี่ยนไปของผู้หญิงไทย
Presenter คุณ Sammy Cowell Actress กับบรารุ่นลิมิเต็ดของบีมี ใช้ผ้าลายไทยมาร่วมตัดเย็บ ปัจจุบันขายหมดไปนานแล้ว ขอบคุณภาพจากบีมี กลุ่มไทยวาโก้
แม้แต่การใช้นางแบบ ก็มีทั้งรูปร่างสมส่วน รูปร่างท้วม
สำหรับไทยวาโก้ ผลิตเสื้อชั้นในสำหรับคนทุกวัย แม้กระทั่งเสื้อชั้นในสำหรับชาว LGBT ก็มี
หลังจากคุยกับคุณสุวรรณา ก็เลยไปค้นข้อมูลเพิ่มเติมจากเว็บไซต์ www.nstda.or.th สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) ซึ่งทำโครงการ“Size Thailand” เมื่อปี พ.ศ. 2549 เพื่อสำรวจและวิจัยมาตรฐานขนาดรูปร่างของคนไทย ด้วยเทคโนโลยี 3D Body Scanning
เครื่อง 3D Body Scanner จะฉายริ้วแสงสีขาว (Light stripe) ไปที่ร่างกายผู้รับการสแกนโดยมีเซนเซอร์ 12 ตัว เป็นตัวจัดเก็บข้อมูลรูปร่าง ส่งไปยังคอมพิวเตอร์เพื่อประมวลผลภาพที่ได้ สร้างเป็นโครงร่างจุดสำคัญต่าง ๆ และเชื่อมโยงจุดทั้งหมดเข้าด้วยกันจนเห็นเป็นพื้นผิวแบบ3 มิติ
ได้เป็นตารางมาตรฐาน “SizeThai“
ทั้งนี้ มาตรฐานสำหรับรูปร่างของคนไทยซึ่งได้จากการสำรวจวัดเรือนร่างกลุ่มตัวอย่างทั้งชายและหญิงอายุ 16 ปีขึ้นไป จำนวน 13,442 คนทั่วประเทศพร้อมวิเคราะห์ประมวลผลข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์ พบว่า
มาตรฐานไซส์ของผู้ชายมี 9 ไซส์ ได้แก่ ไซส์ 32, 34, 36 , 38, 40, 42, 44, 46 และ 48 โดยกำหนดจากรอบอกและรอบเอว
มาตรฐานไซส์ของผู้หญิงมี 10 ไซส์ ได้แก่ ไซส์ 8, 30, 32, 34, 36, 38, 40, 42, 44 และ 46 โดยกำหนดจากรอบอก รอบเอว และรอบสะโพก
ข้อมูลนี้ใช้เป็นฐานข้อมูลเชิงสุขภาพที่สามารถเปรียบเทียบขนาดรูปร่างของตนเองกับข้อมูลคนไทยทั้งประเทศพร้อมวิเคราะห์สุขภาพแล้ว ด้านอุตสาหกรรมเสื้อผ้าและสิ่งทอ ผู้ผลิตเสื้อผ้าสามารถออกแบบและกำหนดไซส์ของเสื้อผ้า เพื่อให้สอดคล้องกับขนาดรูปร่างของลูกค้าแต่ละกลุ่ม
สุขสันต์วันแม่ กอดแม่ ดูแลใจและกายพ่อแม่ ซึ่งเปรียบเหมือนพระในบ้านเป็นประจำนะคะ
บรรณาธิการเทคโนโลยี
แกร็บเปิดรายงานความยั่งยืนยกระดับคุณภาพชีวิตคนและสิ่งแวดล้อม
รู้ยังแอป Find My ของ Apple เปิดให้แชร์ตำแหน่งของหายกับบุคคลอื่นได้