การพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชนไม่เพียงแต่ต้องเข้าใจพื้นฐานและปัญหาของชุมชน แต่ยังต้องใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ
หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) และชาวบ้านในจังหวัดแพร่ ได้ร่วมกันทำเพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์ผ้าย้อมห้อมพื้นบ้านให้มีคุณภาพดีขึ้น คงทนยิ่งขึ้น และมีอัตลักษณ์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากขึ้น
ใช้เวลากว่า 3 ปี จึงได้คำตอบให้ชุมชน
สำรวจ รับฟัง หาทางแก้สีตกซีดเร็ว
วิทวัส นวลอินทร์ หรือ “พี่เค” นวัตกรชุมชนจากชุดโครงการกรุ่นกลิ่นเสน่ห์ห้อมย้อมห้อมธรรมชาติ สร้างเศรษฐกิจท่องเที่ยววัฒนธรรมเวียงโกศัย ได้รับการสนับสนุนจาก บพท. อธิบายว่า โครงการวิจัยนี้เพราะพบว่าผ้าย้อมห้อมธรรมชาติที่ผู้บริโภคซื้อใช้งาน มักมีปัญหาสีตก สีซีดเร็ว ถูกแทนที่ด้วยการย้อมเคมี เพราะถูกและเร็ว แต่การใช้สารเคมีบางชนิดในการย้อม อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพของผู้ผลิต หากไม่มีการป้องกันที่เพียงพอ
ดังนั้น การผลิตห้อมจากธรรมชาติที่เป็นภูมิปัญญาดั้งเดิมจึงเป็นทางออกทั้งในเรื่องของสุขภาพ ระบบนิเวศสิ่งแวดล้อมและการรักษาคุณค่าทางวัฒนธรรม
พี่เคและทีมงานได้ลงพื้นที่สำรวจปัญหาและรับฟังความเห็นจากชาวบ้าน เพื่อวิเคราะห์และกำหนดแนวทางในการแก้ไขปัญหา
เทคโนโลยีพลาสมา คือคำตอบ
จุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ผ้าย้อมห้อมมีคุณภาพที่ดีขึ้นมาจากการใช้เทคโนโลยีพลาสมา ซึ่งเป็นการนำอากาศมาทำให้แตกตัวและปล่อยอนุมูลอิสระออกมาเพื่อปรับปรุงพื้นผิวของเส้นใยผ้า การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเคมีของเส้นใยทำให้ผ้ามีความสามารถในการดูดซึมสีได้ดีขึ้น สีติดทนนานกว่าเดิม อีกทั้งยังสามารถช่วยป้องกันผ้าสีซีดและป้องกันแสง UV ได้อีกด้วย
“เมื่อเราเอาพลาสมามาใช้กับเส้นใยธรรมชาติ จะเกิดคุณสมบัติที่เรียกว่า “ชอบน้ำ” ทำให้สีธรรมชาติซึมเข้าสู่เส้นใยได้มากขึ้นและติดแน่นกว่าเดิม ผลจากการทดสอบในห้องปฏิบัติการแสดงให้เห็นว่าผ้าที่ผ่านกระบวนการพลาสมานั้นมีความเข้มของสีที่มากกว่าผ้าที่ไม่ได้ผ่านกระบวนการนี้อย่างชัดเจน ซึ่งเป็นจุดเด่นที่เชื่อว่าจะช่วยสร้างความแตกต่างและเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์” พี่เค กล่าว
นอกจากปรับปรุงคุณภาพผ้าแล้ว เทคโนโลยีพลาสมายังทำให้ชุมชนสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่มีความหลากหลายและสร้างสรรค์ขึ้นได้
ต่อยอดลายผ้าจากอัตลักษณ์ชุมชน
ทีมวิจัยได้แรงบันดาลใจจากลวดลายเครื่องประดับที่เป็นเอกลักษณ์ของชุมชนจังหวัดแพร่ นำมาปรับเป็นลวดลายบนผืนผ้า ทำให้ผ้าย้อมห้อมของแพร่ไม่เหมือนกับที่ใดในประเทศไทย
“ นำลวดลายจากเครื่องประดับของชุมชน 10 ตำบลในจังหวัดแพร่ มาทำเป็นลายบนผืนผ้า ซึ่งแต่ละลายมีเรื่องเล่าของชุมชนและประวัติศาสตร์ที่ซ่อนอยู่ ตัวอย่างลวดลายที่โดดเด่น เช่น ลาย “ดอกผักแว่น” ซึ่งเป็นลายดั้งเดิมของตำบลห้วยอ้อ ที่มีลักษณะเฉพาะเป็นดอกผักแว่น 8 กลีบ หรือ “ลายล้อเกวียน” ของชุมชนบ้านทุ่งโฮ้ง ที่เป็นตัวแทนของการอพยพและเดินทางของชุมชนไทยพวนตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 ” พี่เคอธิบาย
สร้างเครือข่ายการทำงานที่ยั่งยืนในชุมชน
โดยทีมวิจัยไม่ได้เน้นให้ชาวบ้านทำงานทุกขั้นตอนเพียงลำพัง แต่กระจายงานตามความถนัดของแต่ละคน เพื่อให้เกิดการแบ่งปันรายได้อย่างเป็นธรรม ได้เครือข่ายการทำงานในชุมชน เริ่มจากคนปลูกห้อม คนสกัดสี ไปจนถึงคนที่ทำลวดลายและตัดเย็บ ทุกคนมีส่วนในการผลิตผ้าย้อมห้อมคุณภาพ สร้างรายได้ให้กับทุกคน
นอกจากนี้ชาวบ้านยังทำรายได้จากการทำลวดลายบนผืนผ้า การกัดลาย หรือการขายห้อมเปียก ซึ่งเป็นวัตถุดิบในการย้อมสีให้กับชุมชนอื่นๆ ในจังหวัดใกล้เคียงได้ิ
แล้วขายให้ใคร ขายที่ไหน
ทีมวิจัยได้พัฒนาแพลตฟอร์มการขายออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ www.rujiradaphrae.com เพื่อช่วยให้ผลิตภัณฑ์ผ้าย้อมห้อมเข้าถึงตลาดได้กว้างขึ้น ทั้งในและต่างประเทศ การส่งออกผลิตภัณฑ์จากชุมชนเป็นอีกช่องทางที่สร้างรายได้ให้ชาวบ้าน โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาการผลิตในปริมาณมาก แต่เน้นการเพิ่มคุณค่าและความแตกต่างของผลิตภัณฑ์ และขายในตลาดที่มีกำลังซื้อ
“สิ่งที่เราขายไม่ใช่แค่ผ้าย้อมห้อมธรรมดา แต่เป็นงานศิลปะที่ทุกชิ้นมีคุณค่า มีเรื่องราว และแฝงนวัตกรรมเข้าไปในนั้น” พี่เคกล่าวถึงทัศนคติที่เปลี่ยนไปจากการขายผ้าย้อมห้อมแบบเดิม
watchOS 11 จะทำให้ Apple Watch เป็นคู่หูบนข้อมือที่ขาดไม่ได้