ในวันที่โควิดขาขึ้น จะไปโรงเรียนยังไงให้ปลอดภัย

ช่วงนี้สถานการณ์โควิด-19 พบผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตเพิ่มขึ้น มีการระบาดเป็นกลุ่มก้อนในสถานที่เสี่ยง ซึ่งรวมถึงโรงเรียน และสถาบันการศึกษา ทำให้พ่อแม่ผู้ปกครองเป็นกังวล รศ.พญ.อดิศร์สุดา เฟื่องฟู หัวหน้าศูนย์ความเป็นเลิศเฉพาะทางพัฒนาการ และพฤติกรรมเด็ก สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี มีคำแนะนำเพื่อที่เด็ก ๆ จะได้ไปโรงเรียนได้อย่างปลอดภัย ห่างไกลโควิด -19

สิ่งที่ควรพกติดตัวไปโรงเรียนด้วย เป็นเหมือนอาวุธให้เด็ก ๆ ใช้ป้องกันตัวเอง สำคัญที่สุดคือ “หน้ากากอนามัย” ไม่จำเป็นต้องใช้ N95 เพราะถึงแม้จะป้องกันได้ดีกว่า แต่ก็จะทำให้อึดอัด หายใจลำบาก ใส่ได้ไม่นานก็ต้องถอดหน้ากากอนามัยออกเพื่อหายใจ เพิ่มโอกาสเสี่ยงในการติดเชื้อมากขึ้น

นอกจากสวมหน้ากากอนามัย เด็ก ๆ ควรหมั่นล้างมือเพื่อป้องกันการติดเชื้อ  แอลกอฮอล์เจล หรือสเปรย์แอลกอฮอล์ ควรพกติดตัวอยู่เสมอ ของใช้ส่วนตัวเช่น แก้วน้ำ ช้อนส้อม ก็ควรพกไปโรงเรียนด้วย เพื่อจะได้ไม่ต้องใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น

ระหว่างอยู่ที่โรงเรียนการเว้นระยะห่างทางสังคม (SOCIAL DISTANCING) แม้จะเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก เพราะธรรมชาติของเด็ก ๆ เวลาเล่นกันก็อาจมีการสัมผัสใกล้ชิดกัน แต่ก็เป็นเรื่องที่ควรทำ

สำคัญที่สุดคือการพาเด็ก ๆ ไปฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ซึ่งปัจจุบันกรมควบคุมโรคแนะนำให้เด็ก ๆ ฉีดวัคซีนได้ตั้งแต่อายุ 5 ปีขึ้นไป วัคซีนช่วยป้องกันการป่วยหนักและเสียชีวิตได้

“พ่อแม่ผู้ปกครองหลายคนไม่ยอมพาเด็ก ๆ ไปฉีดวัคซีนเพราะกลัวผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีน โดยเฉพาะเรื่องกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ จากข้อมูลของโรงพยาบาลเด็กพบว่ามีเด็กเพียงจำนวนไม่มาก ที่มีอาการหัวใจเต้นเร็ว เป็นไข้ หลังฉีดวัคซีน แต่อยู่โรงพยาบาลเพื่อสังเกตอาการ 1-2 คืนก็สามารถกลับบ้านได้ แต่ถ้าเทียบกับการไม่ได้รับวัคซีนแล้วไปติดโควิด มีโอกาสที่โควิดจะทำให้เกิดอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ และรุนแรงมากกว่าผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีน จึงควรพาเด็ก ๆ ไปฉีดวัคซีน และเมื่อครบกำหนดก็ควรฉีดเข็มกระตุ้นด้วย”

แค่ป้องกันตัวเองให้ห่างไกลจากโควิด-19 ระหว่างไปโรงเรียนคงไม่พอ เมื่อกลับมาถึงบ้าน ควรให้เด็ก ๆ อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที เพื่อชำระล้างเชื้อโรคที่อาจติดมาระหว่างอยู่ที่โรงเรียน หรือระหว่างเดินทางกลับมาบ้าน

ถ้าเด็ก ๆ มีไข้ ไอ น้ำมูก ให้รีบตรวจ ATK และควรให้เด็ก ๆ หยุดเรียนทันที เพื่อให้เด็ก ๆ ได้พักผ่อน นอกจากนี้การหยุดเรียนยังช่วยลดความเสี่ยงในการรับเชื้อโรคเพิ่มขึ้น และลดการแพร่กระจายเชื้อให้กับคนอื่นได้อีกทางหนึ่งด้วย